ช็อตต่อช็อต! เทียบอะลาดินทั้งสองเวอร์ชั่น 1992 vs 2019

"ตะเกียงวิเศษ  เด็กหนุ่มข้างถนน

เรื่องราวที่ต้องผจญในแดนมหัศจรรย์"

ต่อให้หลับตา ไม่เห็นภาพใดๆ แล้วฟังคำเหล่านี้แทน เราก็เหมือนได้นั่งพรมวิเศษ
พุ่งผ่านห้วงเวลาแห่งจินตนาการ   โลดแล่นท่ามกลางเรื่องราวชวนฝัน กลับไปในวันวาน
ในการกลับมาของ "อะลาดิน" 1 ในภาพยนตร์   อนิเมชั่นอมตะจากค่าย Walt Disney 
ที่เตรียมขึ้นจอยักษ์ในรูปแบบแอคชั่นแฟนตาซีซึ่งถอดแบบมาจากเวอร์ชั่นการ์ตูนเมื่อปี 1992
จับพรมไว้ให้แน่นแล้วมาท่องโลกไปด้วยกัน
                                                                                จากวันนั้นถึงวันนี้ อะลาดินและผองเพื่อน                                                                                  
มีความเหมือนหรือต่างกันยังไง!?     

1. เนื้อเรื่องเดิม เพิ่มเติมคือเต็มอิ่มกว่าที่เคย

เรื่องราวในภาคคนแสดงได้เป็นผลงานจากผู้กำกับ "กาย ริชชี่ (Guy Ritchie)" ที่เคยฝากผลงานไว้ในเรื่อง  "Snatch" (2000), "RocknRolla" (2008) และ "Sherlock Holmes" (2009) 

ซึ่งอะลาดินในเวอร์ชั่นนี้จะยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคจากภาพยนตร์อนิเมชั่นเมื่อปี 1992 นับเป็นผลงาน Live-Action เจ้าหญิงดีสนีย์ลำดับที่ 4  ต่อจาก "มาเลฟิเซนต์ (Maleficent)",  "ซินเดอเรลล่า (Cinderella)" และ "โฉมงามกับเจ้าฉายอสูร (Beauty and The Beast)" ซึ่งการดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นนี้ได้มีการขยายขอบเขตจินตนาการแห่งโลกอาหรับราตรีให้เราได้เต็มอิ่มกับผลงานสร้างทั้งฉากและ Visual Effect สุดตระการตากว่า 2 ชั่วโมง  ในรูปแบบละครเพลง 

  2. เรื่องย่อก่อนไปดูหนัง

เป็นเรื่องที่เกิดใน "อัคราบาห์ (Agrabah)" มหานครกลางทะเลทราย มีหนุ่มยากจนคนหนึ่งชื่อ "อะลาดิน" หัวขโมยผู้รักการผจญภัย ที่ถูกพ่อมดผู้ชั่วร้ายอย่าง "จาฟาร์" ใช้อุบายหลอกให้ไปเอาตะเกียงวิเศษในถ้ำมายากลางทะเลทราย  โดยสัญญาว่า "ข้าทำให้เจ้ารวยได้ รวยมากจนที่จะทำให้เจ้าหญิงประทับใจ แค่เอาตะเกียงมาให้ข้า" 

เมื่อไปถึงถ้ำ อะลาดินได้ถูตะเกียงวิเศษปลดปล่อย "ยักษ์จีนี่" ออกมา พร้อมข้อพรได้ 3 ประการ ซึ่งหนุ่มน้อยได้ขอพรข้อแรกให้เขาได้เป็นเจ้าชายไปสู่ขอเจ้าหญิง "จัสมิน" พระธิดาผู้เลอโฉมแห่งองค์สุลต่าน   ที่ต้องการอยากมีชีวิตอิสระอย่างใจเลือก แต่ขณะเดียวกันจาฟาร์เองก็มีแผนชั่วที่จะโค่นล้มองค์สุลต่านแล้วชิงบัลลังก์มาเป็นของตน ภารกิจสุดผจญภัยของอะลาดินจึงเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้จาฟาร์ได้ตะเกียงไป พร้อมๆ กับการพิชิตหัวใจของเจ้าหญิงว่าเขานี่แหละที่คู่ควรกับการเป็น "เจ้าชายที่แท้จริง" ของนาง 

     3. อะลาดิน - แสดงโดย "มีนา มาซูด (Mena Massoud)"

เด็กหนุ่มข้างถนนแห่งเมืองอัคราบาห์ (Agrabah)  ที่เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอะลาดินเคยบอกกับอาบูเพื่อนซี้ว่า "วันหนึ่ง เราจะได้อยู่ในวัง!" เลยมีความตั้งใจว่าวันหนึ่งจะได้ออกผจญภัยในโลกกว้าง โดยทิ้งคราบหัวขโมยไว้เบื้องหลัง ในเวอร์ชั่นหนังได้ "มีนา มาซูด (Mena Massoud)" นักแสดงหนุ่มวัย 27 ปี ชาวอียีปต์ แต่โตที่แคนาดา เคยฝากผลงานไว้กับซีรีส์เรื่อง   "The 99" , "Poser" , "Open Heart" และ "Jack Ryan" 

    4. เจ้าหญิงจัสมิน แสดงโดย      "นาโอมิ สก็อตต์ (Naomi Scott)"

"จัสมิน" ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขัง เธออยู่ในวังกับพ่อที่เป็นองค์สุลต่าน พร้อม "ราชา" เสือคู่ใจที่เปรียบเสมือนองค์รักษ์ส่วนตัว โดยพ่อบอกจัสมินว่าจะต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าชายโดยเร็วที่สุด แต่เธออยากแต่งงานเพราะความรักไม่ใช่จับคลุมถุงชนแบบนี้     เลยปฏิเสธการแต่งงาน แล้วหนีออกจากวังปลอมตัวเป็นชาวบ้านอยู่ในชุมชน ก่อนได้เจอกับอะลาดินเข้า และได้ค้นพบว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างมีความฝันที่อยากจะมีชีวิตต่างไปจากเดิม รับบทโดย "นาโอมิ สก็อตต์ (Naomi Scott)" นักแสดงสาวหน้าแขกวัย 26 ปี ลูกครึ่งอังกฤษ-อินเดีย เคยฝากผลงานไว้ในซีรีส์เรื่อง "Life Bites" (2009) และ "Terra Nova" (2011) ส่วนผลงานภาพยนตร์ถ้าใครยังจำกันได้กับ "Power Rengers" (2017) และปลายปีนี้กับ "Charlie's Angels" เวอร์ชั่นรีบูท  

    5. ยักษ์จีนี่ - แสดงโดย "วิล สมิธ (Will Smith)" 

"ยักษ์จีนี่ (Genie)" เป็นสิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์ที่ถูกกักไว้ในตะเกียงวิเศษ  มีนิสัยตลกโปกฮา ยียวน ขี้เล่น  สามารถดลบันดาลให้พรอะไรเป็นจริงก็ได้ เปลี่ยนรูปร่างตัวเองเป็นอะไรก็ได้ การพบกันระหว่างเขาและอะลาดินคือจุดเริ่มต้นของคำว่า "เพื่อนแท้" ในเวอร์ชั่นนี้ยังได้นักแสดงมาดเข้มสุดกวนอย่าง "วิล สมิธ" ที่ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "เตรียมตัวรับบทจีนี่ยังไงน่ะเหรอ? ก็ลองไปอยู่ในตะเกียงสัก 6 อาทิตย์สิ!" 555+ 

   6. จาฟาร์ - แสดงโดย "มาร์วาน เคนซารี่ (Marwan Kenzari)"

"จาฟาร์" เป็นเสนาบดีขององค์สุลต่านและยังเป็นจอมเวทย์ผู้มีนิสัยเจ้าเล่ห์ ชั่วร้าย แถมมีพลังอันร้ายกาจ  ซึ่งเขาไม่พอใจแนวทางการปกครองเมืองอัคราบาห์ขององค์สุลต่านและต้องการจะขึ้นครองราชย์แทน

   7. การกลับมาของบทเพลงสุดซึ้ง             "A Whole New World: โลกใหม่สวยงาม" 

 กลับมาทั้งที แน่นอนว่าจะขาดฉากที่ยังตรึงในความทรงจำนี้ไม่ได้เลย เพราะเป็นโมเมนต์ที่อะลาดินยื่นมือชวนเจ้าหญิงจัสมินออกไปท่องโลกกว้าง พร้อมคำถามสุดคลาสสิค "เจ้าเชื่อข้าไหม?" ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่พรมวิเศษออกไปนอกวัง ในค่ำคืนสุดโรแมนติกที่เหมือนทั้งโลกมีเพียงเขาและเธอ

โดย "อลัน เมนเคน (Alan Menken)" นักแต่งเพลงจากอนิเมชั่นต้นฉบับได้ร่วมมือกับ "เบนจ์ พาเซ็ค (Benj Pasek)" และ "จัสติน พอล (Justin Paul)" 2 นักแต่งเพลงมือทองที่เคยฝากผลงานเพลงสุดฮิตไว้ในเรื่อง "La La Land" และ "The Greatest Showman" มารับหน้าที่เขียนเพลงใหม่ให้อะลาดินเวอร์ชั่นนี้

ต้องมาดูกันว่า "อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ" ในแบบฉบับคนแสดงนี้จะทำออกมาได้โดนใจคอหนังขนาดไหน 22 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์!

เช็ครอบภาพยนตร์ได้เลย 

🍿 Major Cineplex >> http://bit.ly/2HKkEQw 

🍿 SF Cinema >> http://bit.ly/2w7VdDa