“ รวมบทเรียนจากหนัง / ซีรีส์ ” ประโยคเด็ดๆ ที่ชวนให้คิด สาระดีๆ ที่ชวนสะกิดใจ

avatar writer
โดย : Ying
avatar writer1 มิ.ย. 2565 avatar writer7.0 K
“ รวมบทเรียนจากหนัง / ซีรีส์ ” ประโยคเด็ดๆ ที่ชวนให้คิด สาระดีๆ ที่ชวนสะกิดใจ

 

“ หนัง ” ความบันเทิงที่แฝงด้วยแง่คิด

 

ถ้าพูดถึงกิจกรรมที่ใครหลายๆ คนเลือกทำในเวลาว่าง หรือเวลาที่เบื่อๆ เหงาๆ ก็คงไม่พ้นการนั่งดูหนังหรือซีรีส์ หรืออาจจะเป็นอนิเมะก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ทั้งนี้ ก็ยังมีอีกหลายคนเลยที่ชอบดูหนังดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจ เรื่องไหนที่เขาว่าดี เรื่องไหนกระแสแรง เรื่องไหนเพิ่งเข้าโรง ไม่มีพลาดแม้แต่เรื่องเดียว นั่นก็เพราะหนัง หรือซีรีส์ หรืออนิเมะต่างๆ นั้นให้ทั้งความสนุก ให้ทั้งสาระดีๆ กับผู้ชม บางเรื่องก็สะท้อนสังคม บางเรื่องก็เพื่อใช้เตือนใจผู้คน 


ต้องบอกก่อนว่า แต่ละคนก็จะได้สาระจากการดูหนังที่ต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับมุมมองส่วนตัว ขนาดหนังเรื่องเดียวกัน นั่งดูด้วยกันเปย์เป้กับเพื่อนยังคิดเห็นแตกต่างกันเลย แต่ตราบใดที่เรายังได้แง่คิด และสาระที่เป็นประโยชน์กับชีวิตเราสัก 1 ข้อ นั่นก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการดูหนังแล้วนะ และวันนี้เปย์เป้ก็อยากจะมาแชร์แง่คิดดีๆ ที่เปย์เป้ได้มาจากหนัง ซีรีส์ อนิเมะที่เคยดูกันจ้า


 

คนสร้างหนัง หนังสร้างแง่คิด
🎥

 

 

 

Rise of the Guardians

 

ประโยคชวนยิ้ม และอบอุ่นหัวใจจากภาพยนตร์สำหรับเด็กและครอบครัวเรื่อง Rise of  the  Guardians (ห้าเทพผู้พิทักษ์) เรื่องนี้หลักๆ จะบอกเล่าถึงเรื่องราวของ “ ความศรัทธา ”  โดยตัวละครต่างๆ ล้วนเป็นตำนานที่เราหลายคนรู้จักกันดี ทั้งซานตาคลอส กระต่ายอีสเตอร์ นางฟ้าฟันน้ำนม มนุษย์ทรายแซนดี้ และแจ็ค ฟรอสต์ ผู้พิทักษ์ทั้ง 5 นี้มีหน้าที่คือดูแลและปกป้องเด็กๆ ทั้งเด็กดีและเด็กดื้อ  เรื่องนี้แนะนำเลยนอกจากจะดูง่าย อบอุ่นหัวใจแล้ว ยังให้แง่คิดอีกด้วยเปย์เป้ชอบบทพูดนี้มากๆ เลย

 

You're telling me you stop believing in the moon when the sun comes up ?

Well, do you stop believing in the sun when clouds block it out ? 

 

นายกำลังจะบอกฉันว่าจะลืมพระจันทร์เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นหรอ ?

หรือว่าลืมพระอาทิตย์เมื่อมันถูกเมฆบังมองไม่เห็น ?

 

บทนี้เป็นการพูดคุยระหว่างแจ็ค ฟรอสต์ และเจมี่เด็กน้อยที่ออกมาปกป้องเหล่าเทพพิทักษ์ทั้ง 5 ที่เขารักด้วยความศรัทธาเต็มหัวใจ ซึ่งหลังจากที่ผู้พิทักษ์ทั้ง 5 และเด็กๆ ร่วมมือกันสยบวายร้าย Pitch Black ลงได้ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องจากกัน นั้นทำให้เจมี่เศร้าใจและกลัวว่าเด็กๆ จะสูญสิ้นศรัทธาลงอีก จึงงอแงกับแจ็ค ฟรอสต์เล็กน้อย และแจ็คก็พูดประโยคนี้ออกไป 

ซึ่งประโยคยาวๆ นี้ก็ได้ให้แง่คิดกับเปย์เป้ได้ดีเลย  ตามหลักแล้วความศรัทธาอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกหนึ่งที่มนุษย์เรามี อาจจะจับต้องไม่ได้เหมือนหนังสือหรือดินสอ แต่ความศรัทธามันก็ช่วยให้เรามีความเชื่อมั่น มีแรงขับ ทำให้เราทำอะไรยากๆ หรือผ่านเรื่องราวร้ายๆ ได้ และเมื่อไหร่ที่เราไม่มีความศรัทธานั่นก็เหมือนกับเราสูญเสียแรงขับ ไร้ความเชื่อมั่น นั่นจะส่งผลเสียต่อสิ่งที่เรารักหรือกำลังทำอยู่ เราอาจจะหมดแรงไปก่อน หรือเราอาจจะละทิ้งความสวยงามและแสงสว่างของชีวิตไป เหมือนที่แจ็คพยายามบอกกับเด็กน้อยเจมี่เป็นนัยๆ ว่าต่อให้ Pitch Black จะกลับมาหรือโลกอาจจะถูกความมืดดำปกคลุมอีกครั้ง แต่ยังไงแสงสว่างก็จะปรากฎขึ้นเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเสมอเพราะฉะนั้น จงมีศรัทธาต่อสิ่งที่ดีงามเข้าไว้ 

📌 พิกัด : netflix


 

 

Fruits Basket 

 

ชื่อไทย คือ เสน่ห์สาวข้าวปั้น เรื่องราววุ่นๆ วัยรุ่น 12 + 1 ราศี  กับสาวซื่อ แสนดี นามว่าฮอนดะ โทรุ ความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อโทรุได้ไปรู้ความลับสุดยอดของตระกูลโซมะเข้า และที่สำคัญนอกจากจะอยู่โรงเรียนเดียวกันกับคนในตระกูลโซมะอย่าง ยูกิ เคียว แล้ว โทรุยังได้มาอยู่บ้านเดียวกันกับพวกเขาไปอี๊กก เรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ดำเนินเนื้อเรื่องเรื่อยๆ มีทั้งความสดใส ความฮา และความเศร้าผสมๆ กันไปอย่างลงตัว ซึ่งตอนนี้พอเรื่องนี้เข้า netflix เปย์เป้ก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยดีใจมากจำได้ว่าเคยดูเมื่อนานมากแล้ว และก็แยกทางกันไปไม่ได้ติดตามข่าว ลืมไปเลยว่าเคยชอบดู

 

 

“ ความรักข้างเดียวที่พวกพี่ยัดเยียด อาจกลายเป็นความยุ่งยากของคนๆ นั้น

หรือทำให้เขาทุกข์ทรมาน ”

 

ด้วยความที่ตัวเอกของเรา ยูกิ นั้นจัดว่าเป็นหนุ่มหล่อสุดป๊อบถูกยกให้เป็นเจ้าชายของโรงเรียน มีสาวๆ ตามกรี๊ดเป็นจำนวนมาก (จริงก็มีหนุ่มๆ ด้วย) จนเกิดเป็นชมรมคนรักยูกิขึ้นมา โดยชมรมนี้ก็จะตามสอดส่องว่ามีใครมาเกาะแกะเจ้าชายของเขาหรือไม่ หากมีใครมาเกาะแกะก็จะพยายามหาทางกำจัดออกไปให้พ้นทาง อารมณ์แบบฉันไม่ได้แกก็อย่าหวัง แล้วด้วยความที่โทรุสาวซื่อของเรานั้นย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับยูกิจึงทำให้สนิทกันมากขึ้น ทำให้สาวๆ จากชมรมนี้หาทางจัดการ 

และประโยคนี้ คือ ประโยคที่เมกุมิน้องชายของฮานะ (เพื่อนสนิทของโทรุ) พูดกับโมโตโกะและสาวๆ สมาชิกชมรมคนรักยูกิ ซึ่งถ้าสาวๆ หรือชาวคนแอบรักเขาข้างเดียวได้ฟังแล้วก็คงรู้สึกจี๊ดดดดไปถึงกระดูก น้ำตาร่วงมาเองโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ประโยคนี้ก็ชวนให้เรานั่งคิดนะความรักที่มากล้นของเราไปทำให้ใครต้องเจ็บปวดหรือป่าว การกระทำหรืออะไรต่างๆ ที่เรามอบให้เขาด้วยเหตุผลว่าเราหวังดีนั้นมันทำให้ผู้รับต้องอึดอัดใจหรือป่าว ในเรื่องชมรมคนรักยูกิอ้างเหตุผลว่าต้องการปกป้องยูกิจากความชั่วร้ายและคอยกีดกันทุกคนจากทุกทาง ซึ่งตรงนี้แหละก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยูกิของเราไม่ค่อยมีเพื่อน บางทีการรักใครสักคนมันก็อาจจะดีกว่าถ้าเราปล่อยให้เขาได้เติบโตอย่างมีความสุข

📌
พิกัด : netflix

 


 

 

SHERLOCK

 

เรื่องนี้เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เชอร์ล็อค โฮล์ม ยอดนักสืบแห่งถนนเบเกอร์ เขาเป็นคนที่เก่งรอบด้านสุดๆ ในเรื่องยังมีคู่หูของเขา ดร. จอห์น เอช. วัตสัน หรือ หมอวัตสันผู้ที่อยู่บ้านเดียวกันและยังชอบช่วยเชอร์ล็อคไขปริศนาคดีต่างๆ ได้บอกเล่าถึงความสามารถของเชอร์ล็อคไว้ว่าเขามีทักษะ 12 อย่าง (โครตเทพ) เรื่องนี้ดูสนุกหลายๆ คนต่างก็ประทับใจกับความสามารถของเชอร์ล็อค (รวมถึงความประหลาด) ในส่วนของหมอวัตสันเองก็เรียกว่าเป็นทั้งผู้ช่วยและเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา อีกทั้งในเรื่องนี้หมอวัตสันยังเขียน blog เล่าเรื่องราวการสืบคดีต่างๆ อีกด้วย 

 

 

“ So if I didn’t understand I was being asked to be best man ,
it is because I never expected to be anybody’s best friend.
And certainly not the best friend of the bravest and kindest and wisest  human being
I have ever had the good fortune of knowing ”

“ ถ้าผมไม่เข้าใจที่ผมถูกขอให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
นั้นก็เพราะว่าผมไม่เคยคาดหวังที่จะเป็นเพื่อนสนิทของใคร
และแน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อนสนิทของของมนุษย์ที่ฉลาด มีน้ำใจ และกล้าหาญที่สุด
ซึ่งผมโชคดีที่ได้รู้จัก ”

 

บทความนี้คือบทที่เชอร์ล็อคพูดไว้ตอนงานแต่งงานของหมอวัตสันและแมรี่ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวของหมอวัตสัน  เราจะเห็นว่าเชอร์ล็อคไม่มีเพื่อนที่เรียกว่าสนิท และยิ่งด้วยเชอร์ล็อคพูดถึงตัวเองประมาณว่า เขาเป็นคนหยาบคายไม่เป็นมิตร น่ารังเกียจในทุกรูปแบบ และเขาเป็นคนที่ไม่แยแสในคุณงามความดี ความสวยงาม คือจริงๆ เชอร์ล็อคนางไม่มีความผูกพันธ์หรือรักผู้หญิงคนไหน เพราะความรู้สึกเหล่านี้จะส่งผลต่อความเที่ยงตรง การวิเคราะห์คดีต่างๆ

จากนิสัยและความเป็นเชอร์ล็อคนี้มันทำให้ประโยคที่เชอร์ล็อคพูดตอนงานแต่งของหมอวัตสันนั้นยิ่งลึกซึ้งเข้าไปใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเชอร์ล็อคนั้นค่อนข้างจะช็อคและซาบซึ้งกับการที่มีคนยกให้เขาเป็นเพื่อนสนิท มันแสดงให้เห็นว่าต่อให้เราจะเป็นคนที่เก่งกาจแค่ไหน หรือต่อให้เราจะรักสันโดษ มั่นใจในตัวเองและคิดว่าเราสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็จะเปิดให้คนที่คลิ๊กกันเข้ามาในชีวิตอยู่ดี นั่นเพราะเราก็ยังเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง และต่อให้เราจะรู้สึกว่าเราแย่แค่ไหน มันก็จะมีใครสักคนหนึ่งที่มองเห็นเราและเขาก็พร้อมจะมอบความรักและมิตรภาพดีๆให้เราเช่นกัน หากหาเจอแล้วก็อย่าลืมที่จะรักษาคนๆ นั้นไว้ดีๆ นะจ๊ะ

📌 พิกัด : netflix

 


 

 

Twilight (breaking dawn part 1)

 

เปย์เป้เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่หลายคนรู้จัก Twilight เป็นเรื่องราวของเอ็ดเวิร์ด คัลเลน แวมไพร์หนุ่มหล่อซึ่งเขาและครอบครัวอยู่บนโลกนี้มาแล้วกว่าร้อยปี สมัครเข้าเรียนชั้นมัธยมซ้ำๆ เมื่อถึงเวลาก็ย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆเ พื่อไม่ให้มีใครจำได้ ชีวิตก็จะวนลูปไปอย่างนี้เรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่เขาได้เจอกับเบลล่า สวอน ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่า โรแมนติก แฟนตาซี สร้างมาจากนิยายขายดี เนื้อเรื่องย่อยง่าย ดูได้เพลินๆ สบายๆ ตัวละครแต่ละคนเรียกได้ว่าหน้าตาดีตามแบบฉบับแวมไพร์เลยจ่ะ

 

Twilight 

“ It's An extraordinary thing to meet someone who you can bare your soul to.
And who will accept you for what you are? I've been waiting , 
what seems like a very long time, to get beyond what I am .
And with Bella I feel like I can finally begin . ”

“ มันน่ามหัศจรรย์ที่เราเจอคนที่เราเปิดใจให้ได้ คนที่ยอมรับตัวตนของเรา 
ผมเฝ้ารอมานานแสนนานที่จะก้าวข้ามสิ่งที่ผมเป็น
และกับเบลล่าผมรู้สึกว่าผมจะเริ่มทำได้  ”

 

บทนี้เกิดขึ้นในงานแต่งงานของเอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า นอกจากงานแต่งที่ถูกจัดขึ้นมาอย่างสวยงามโรแมนติกแล้ว คำอวยพรของแต่ละคนก็สวยงามไม่ต่างกัน ถ้าเราไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เราก็อาจจะคิดว่ามันเป็นประโยคคลาสสิคที่คนรักกันมักจะพูดถึงกัน แต่ด้วยเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ฝั่งบ้านเอ็ดเวิร์ดนั้นเป็นแวมไพร์ที่นอกจากจะอันตรายแล้วพวกเขายังใช้ชีวิตกันมานานแสนนานภายใต้ข้อจำกัดมากมาย อีกทั้งตัวเอ็ดเวิร์ดเองเขามองว่าตัวเองคือปีศาจ เขาสามารถฆ่าคนได้ในพริบตาเพียงเพราะเขากระหายเลือด การจะได้รักใครสักของพวกเขานั้นถ้าไม่ใช่สายเลือดเดียวกันมันก็คือหายนะแน่นอน ไหนจะความเจ็บปวดถ้าคนรักอาจจะตายจากเขาไปก่อน เพราะแวมไพร่นั้นตายยากและมีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน ไหนจะเรื่องการควบคุมความกระหายอีกล่ะ 


การที่ได้พบและได้รักเบลล่า จนกระทั่งได้แต่งงานกันนั้นก็คงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ และเอาจริงๆ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นั้นเลยยิ่งทำให้สิ่งที่เอ็ดเวิร์ดพูดถึงเบลล่ายิ่งลึกซึ้ง และโรแมนติกเข้าไปอีก และถ้าใครได้ดูจะได้เห็นแววตาที่มีแค่เบลล่าเท่านั้นที่เข้าใจในสิ่งเอ็ดเวิร์ดพูด มีแค่เขา 2 คนเท่านั้นที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของการเป็นคนที่ถูกรักและที่สำคัญอีกฝ่ายก็ยอมรับในตัวตนที่เราเป็น 

📌 พิกัด : netflix

 


 

 

Knives Out

 

เรื่องนี้ใช้ชื่อไทยว่า “ ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ ” ตอนแรกบอกตามตรงว่างงมาก การฆ่าฆาตกรรมไม่น่าจะใช้คำว่าหรรษาได้ พอดูจบเท่านั้นแหละบอกเลยว่าหรรษาจริง เนื้อเรื่องของหนังบอกเล่าถึงการตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าคุณปู่ฮาร์ลาน ธรอมบีย์ และจัดฉากเป็นการฆ่าตัวตาย โดยมีใครก็ไม่รู้ส่งจดหมายพร้อมเงินจ้างนักสืบชื่อดัง เบอนัวต์ บลองก์ ให้มาสืบเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติมหาศาลของตระกูล และก็แน่นอนว่ามีใครสักคนในตระกูลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้  ต้องบอกว่าเปย์เป้ไม่เคยเห็นลุคแบบนี้ของแดเนียล เคร็ก เลย ด้วยยังคงจดจำภาพลักษณ์ว่าเขาเป็นสายลับชื่อดังอยู่ แล้วไหนจะมีคริส อีแวนส์สุดหล่อร่วมแสดงด้วย เรื่องนี้เต็มไปด้วยความบรรเทิงแต่ก็แฝงไปด้วยแง่คิดที่มันสะกิดใจเปย์เป้อยู่เช่นกัน

 

 

" Wasn’t easy . This goddamn fortune.
You know , sometime I think that everything I’ve given my family ,
I’ve done maybe without knowing , or maybe to keep them beneath me . "

" มันไม่ง่ายเลย ทรัพย์สมบัติเวรนี่
รู้ไหม บางครั้งฉันคิดว่าทุกอย่างที่ฉันให้กับครอบครัว
ฉันอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็เพื่อกดหัวพวกเขาไว้ "

 

ด้วยความที่คุณปู่ฮาร์ลาน ธรอมบีย์ ของเราเป็นนักเขียนชื่อดังมีผลงานตีพิมพ์มากกว่า 80 ล้านเล่มทั่วโลก ทำให้เขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล เลยทำให้คุณปู่คิดจะจัดการทรัพย์สมบัติมหาศาลนี้อย่างรอบคอบ และช่วงเวลาวุ่นวายก็มาถึงในงานวันเกิดอายุครบ 85 ปี เขาได้จัดการกับลูกๆ และหลานๆ ของเขาในแบบที่มันควรจะเป็น และเขาก็ได้พูดประโยคนี้กับพยาบาลส่วนตัวซึ่งมันแสดงให้เราเห็นว่าเขารู้สึกว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดมาตลอดชีวิตด้วยการคอยให้ความช่วยเหลือดูแลด้านการเงินกับลูกๆ และหลานๆ ของเขา จนเหมือนกับเป็นการไปกดหัวลูกๆ หลานๆ ไม่ให้พวกเขาออกไปสร้างชีวิต สร้างความก้าวหน้าเป็นของตนเอง และพอถึงจุดหนึ่งมันเลยกลายเป็นว่าทุกคนวุ่นวายอยู่แต่กับมรดกและผลงานชั้นเยี่ยมของเขาประดุจดังว่าไม่มีขาเป็นของตัวเอง ทุกคนเดินได้ด้วยเงินของพ่อ อยู่ได้ด้วยบารมีของพ่อ เหมือนเป็นความผิดพลาดในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ไม่สามารถสอนลูกสอนหลานให้รู้จักไขว่คว้า เรียนรู้ และพึ่งพาตนเอง

บางครั้งในฐานะพ่อแม่เราก็แค่ต้องการให้ลูกอยู่ได้ในวันที่เราล้มหายตายจาก สอนให้เขาหาอาหารให้เป็นมากกว่าคอยยัดอาหารใส่ปากเขา  สอนให้เขามีทักษะที่จะเลี้ยงชีพและเอาตัวรอดในภายภาคหน้าได้ แต่หากเรายังเป็นคนที่เสิร์ฟทุกอย่างให้เขาก็คงไม่มีวันที่เขาจะเติบโตและดูแลตัวเองได้แน่นอน

บิล เกตส์ และภรรยา มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกเองก็ใช้ทฤษฎีเดียวกันกับคุณปู่ในเรื่องนี้ โดยเขาเคยบอกไว้ว่า “มันไม่ใช่เรื่องของเด็กที่จะให้พวกเขามีทรัพย์สินมหาศาล มันจะเป็นการบิดเบือนทุกอย่างที่ควรจะเป็น พวกเขาต้องสร้างทุกอย่างด้วยตัวเขาเอง ”

📌 พิกัด : netflix



ท้ายนี้ถ้าใครมีประโยคเด็ดๆ ที่จำได้ขึ้นใจ เป็นประโยคดีๆ ที่ทำให้เรากลับมานั่งคิดทบทวนถึงมันหลายๆ รอบก็นำมาแชร์บอกกันได้เลยนะฮะ ได้ฟังมุมมองของเพื่อนๆ บ้างก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีเลยทีเดียวเลย หรือถ้าใครมีหนังหรือซีรีส์หรืออนิเมะดีๆ เรื่องใดจะแนะนำกันก็อย่ารอช้าแบ่งปันมาได้เลยจ้า

 

🎬

  • avatar writer
    โดย Ying
    ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨
แสดงความคิดเห็น