รวมร้านซูชิสายพานจากญี่ปุ่น ที่มาเปิดในไทยแล้ว!
โดย : JINFEB

บอกเลยว่าปีนี้เป็นปีทองของ “ซูชิสายพาน” จริง ๆ เพราะหลายแบรนด์จากญี่ปุ่นแลนดิ้งไทยมากันพรึ่บ จะมีร้านอะไรบ้าง ? เรารวมร้านมาให้แล้ว และแต่ละร้านจะมีจุดเด่นอะไร มาดูกันเลย
ร้านซูชิสายพานจากญี่ปุ่นร้านแรกก็คือ…
Sushiro
“Sushiro” ร้านซูชิสายพานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เจ้าของคือ ‘คุณ Yoshio Shimizu และคุณ Yutaka Shimizu’ ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2527 เค้ามีจุดเริ่มต้นมาจากร้านซูชิเล็ก ๆ ในเมือง Toyonaka และเมือง Suita จังหวัด Osaka แต่พอกระแสตอบรับดีและเห็นโอกาสต่อยอดในธุรกิจ ก็เลยค่อย ๆ ขยายสาขา, จดทะเบียนบริษัท, ปรับรูปแบบร้านจากซูชิทั่วไป ให้กลายมาเป็นซูชิสายพาน
จนตอนนี้มีมากกว่า 800 สาขาทั่วโลก และเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยตอนปี 64 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ตอนนี้ในไทยก็มีไป 40 สาขาแล้ว เยอะมาก! และรายได้ก็ไม่ธรรมดาปี 67 ปาไป 2,902 ล้านบาท ไม่แปลกใจเลยที่ทุกวันนี้เค้ากลายเป็นบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว
จุดเด่นของ Sushiro : เน้นความสดใหม่และคุณภาพวัตถุดิบ, มี IC Chip ใช้นับระยะทาง ถ้าซูชิวนสายพานครบ 350 ม. ก็จะเอาซูชินั้นออกจากสายพานทันที เพื่อความสดใหม่ของแต่ละเมนู, เมนูเยอะกว่า 100 เมนู มีทั้งเมนูแบบข้าวน้อยให้เลือก 40 เมนู แถมยังมีเครื่องดื่มกับขนมหวานอีกเยอะมาก ที่ชอบเลยก็ต้องมัทฉะร้อนฟรี
ราคาเริ่มต้น : มีจาน 4 สี จานขาว 30.-, จานแดง 40.-, จานเทา 60.-, จานทอง 80.-
Katsu Midori
“Katsu Midori” อีกหนึ่งร้านซูชิสายพานจากญี่ปุ่น ที่ตอนนี้แมสมากในไทย คิวยาวทุกสาขา! เจ้าของคือ ‘บริษัท Kabushiki Kaisha Katsumidori’ ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2545 เริ่มจากเปิดร้านขายซูชิพรีเมียมแบบ A La Carte ชื่อว่า Midori Sushi แล้วกระแสตอบรับดี เค้าเลยอยากขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น, ให้หลายคนได้เข้ามากินซูชิคุณภาพดี - วัตถุดิบสดใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เลยเปิดอีกหนึ่งร้านคือ Katsu Midori ที่เป็นร้านซูชิสายพาน โดยใช้วัตถุดิบเกรดใกล้กับร้านเดิมเลย
และเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยตอนปี 67 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ จนตอนนี้ในไทยก็มี 3 สาขา ทำให้รายได้รวมของบริษัทเดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ปี 67 เยอะถึง 2,137 ล้านบาท
จุดเด่นของ Katsu Midori : ใช้วัตถุดิบพรีเมียมสดใหม่ส่งตรงจากญี่ปุ่นทุกวัน, มาพร้อมบรรยากาศจอย ๆ ให้เราได้มีส่วนร่วมสนุก กับเมนูของเชฟ รู้สึกเหมือนนั่งกินในตลาดปลาญี่ปุ่น, มีโปรโมชันนาทีทอง เมนูพิเศษที่เชฟจะประกาศออกไมค์ ถ้าสนใจก็ยกมือได้เลย และถ้าได้นั่งโซนบาร์ก็จะได้รับซูชิจากมือเชฟเลย ส่วนถ้าเป็นโซนอื่นก็ได้ซูชิจากสายพานแทน
ราคาเริ่มต้น : มีจาน 12 สี เริ่มต้น 40 - 180.-
Hama Sushi
“Hama Sushi” ร้านซูชิสายพานจากญี่ปุ่นในเครือ Zensho Holding ที่มีร้านอาหารดังในเครือเยอะมาก เช่น Sukiya ข้าวหน้าเนื้อ-หมู, เบอร์เกอร์ Lotteria และเจ้าของคือ ‘คุณ Kentaro Ogawa’ ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2545 เค้ามีจุดเริ่มต้นมาจาก อยากแตกไลน์เปิดธุรกิจอาหารเพิ่ม และอยากให้ลูกค้าได้กินซูชิที่มีคุณภาพดี - วัตถุดิบสดใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งที่ร้านจะใช้วัตถุดิบจากบริษัท Zensho Holding ที่มาพร้อมระบบหาวัตถุดิบเฉพาะของบริษัทเค้าเลย ที่สำคัญยังมีระบบโลจิสติกส์ครบมือ ทำให้ช่วยลดต้นทุนลงได้ นี่แหละเลยเป็นเหตุผล ที่ทำให้เค้าขายซูชิในราคาไม่แรงและแข่งขันกับร้านอื่น ๆ ได้
ซึ่งล่าสุดเค้าเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยปี 68 นี่เอง ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และมีแพลนจะเปิดสาขา 2 ในช่วงเดือนม.ค. ปี 69 ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชาวรังสิตและใกล้เคียงเตรียมไปกินกันได้เลย
จุดเด่นของ Hama Sushi : ใช้ปลาจากแหล่งประมงสดจากทะเล ผ่านระบบของ Zensho Holding, คุณภาพดีและราคาเข้าถึงง่าย, เสิร์ฟแบบ Straight Lane ส่งตรงถึงโต๊ะใน 1 นาที
ราคาเริ่มต้น : 40.-
Genki Sushi
“Genki Sushi” ร้านซูชิสายพานจากญี่ปุ่น ร้านนี้เค้ามีเชฟซูชิเป็นเจ้าของเลยคือ ‘คุณ Fumio Saito’ ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2531 มีจุดเริ่มต้นมาจากความชอบในซูชิ + รักในการทำอาหาร รวมกับความรู้และประสบการณ์จากการเป็นเชฟ และอยากเอาเทคโนโลยี มาผสมกับการทำร้าน, อยากให้ลูกค้าได้กินซูชิที่มีคุณภาพดี - วัตถุดิบสดใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และใช้เวลา 4 ปีก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเลย
ซึ่งเค้าเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยตอนปี 57 ที่เดอะมอลล์บางกะปิ แล้วปิดตัวไปเพราะเจอโควิด-19 พอดี แต่ก็กลับเข้ามาเปิดใหม่อีกครั้งปี 67 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และทำรายได้ปี 67 ไปถึง 8.5 ล้านบาท
จุดเด่นของ Genki Sushi : เป็นร้านที่มีกิมมิกในการเสิร์ฟ เพราะใช้ Kousoku Train (รถไฟความเร็วสูง) เสิร์ฟทุกเมนูส่งตรงถึงโต๊ะ ไม่เวียนซ้ำบนสายพาน
ราคาเริ่มต้น : 29.-
มาสรุปกันหน่อย
เห็นมั้ยว่าแบรนด์ซูชิสายพานจากญี่ปุ่นที่เรารวมมาให้ แต่ละร้านเค้าก็มีจุดเด่นและเมนูที่แตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าร้านไหนจะรสชาติตอบโจทย์เรา ยังไงทุกคนก็ลองเลือกได้ตามชอบ แล้วไปลองกินกันได้เลย แต่ถ้าใครกินร้านไหนบ่อยแล้ว ก็ลองแวะมาสลับกินร้านอื่นดูก็ได้นะ เผื่อจะเจอร้านโปรดเพิ่มมาอีกหนึ่ง ><
👇🏻อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่👇🏻
- รวม 4 ร้านสเต๊กแบรนด์ไทย จดลิสต์ไว้เตรียมไปกินกัน
- มินิรีวิว 6 เมนูชาเขียว จากร้าน mini ミニ oriental
- 17 ร้านอาหารคาว - หวานน่ากินในเครือ iBerry💖
โดย JINFEB
🍀💜



