นมแบรนด์ไทย ไม่แพ้ใครในโลก…จะมีแบรนด์ไหนบ้าง ?
โดย : JINFEB

เดินผ่านโซนนมทีไร มีให้เลือกเต็มชั้นไปหมด... แต่รู้ไหมว่าหลายแบรนด์ที่เห็นเค้าเป็นนมจากเกษตรกรไทยนะ ที่มีทั้งนมออร์แกนิค, นม Specialty และบางแบรนด์ได้รางวัลระดับโลกมาแล้วด้วย บอกเลยว่าดีกรีไม่แพ้นมแบรนด์นอกเลยละ วันนี้เราเลยพามาดูว่าจะมีเจ้าไหนบ้าง แล้วแต่ละแบรนด์เค้ามีจุดเริ่มต้นยังไง ? เดี๋ยววันนี้เราเล่าให้ฟัง
นมจากเกษตรกรไทย แบรนด์แรกคือ…
Butterfly Organic
‘Butterfly Organic’ เป็นแบรนด์นมออร์แกนิคเจ้าเดียวในไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐานออร์แกนิค USDA NOP (แผนงานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ) เค้าเปิดมา 14 ปี มีจุดเริ่มต้นแบรนด์มาจาก ‘คุณแอร์ อาศยา ทรัพย์มนู’ เค้าเอา Pain Point ของลูกชายตัวเอง ที่แพ้สารเคมีปนมากับนมวัว เจ้าของแบรนด์เลยอยากให้ลูกกินนมได้เหมือนคนอื่น แล้วจะทำไงให้ไม่แพ้ละ ? ตรงนี้แหละเค้าเลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนมทั้งหมด และไปตามฟาร์มต่าง ๆ ด้วย จนมาเจอฟาร์มวัวที่ใช่ เพราะเลี้ยงแบบออร์แกนิค ไม่ใช้สารเคมีเลย คุณแอร์ก็เลยลองเอานมจากฟาร์มนั้น มาให้ลูกกิน แล้วสรุปไม่แพ้เลย
นี่เลยทำให้เค้าได้แรงบันดาลใจ มาทำแบรนด์ของตัวเอง ซึ่ง Butterfly Organic ใช้นมวัวจากฟาร์ม จ.สระบุรีถึง 3 สายพันธุ์ คือ Holstein Friesian, Brown Swiss, Brahman เป็นวัวอารมณ์ดีเพราะที่นี่เลี้ยงแบบกินหญ้า Grass Fed เท่านั้น แล้วปล่อยให้เดินเล่นเต็มที่ในทุ่งของฟาร์ม ที่สำคัญคือ ไม่ใช้ยาปฎิชีวนะสารเคมีใด ๆ ทั้งกับวัวและพื้นที่ในฟาร์มเลยด้วย
จนทุกวันนี้เค้าก็พัฒนาและคิดค้นสูตรสินค้าออร์แกนิคต่าง ๆ ออกมาให้ได้เลือกกินเยอะมากขึ้นอย่าง นมออร์แกนิค, โยเกิร์ตออร์แกนิค, นมจากพืช, โยเกิร์ตจากนมพืช หรือจะโยเกิร์ตผสม Probiotic ก็ยังมี แถมยังมีหลายรสชาติด้วยนะ เช่น Kale & Honey, Acai Berry, Jujube
Mace Milk
‘Mace Milk’ น้องใหม่วงการนมที่เปิดมาแค่ปีเดียว แต่ทำถึงสุด ๆ เพราะเค้าเป็นนม Specialty ที่ได้รางวัล 2 ดาวจากเวทีระดับโลกอย่าง Superior Taste Award 2025 แล้วเค้ามีจุดเริ่มต้นแบรนด์มาจาก ‘คุณตูน กมลกานต์ เทียนขำ’ ที่ครอบครัวทำธุรกิจฟาร์มโคนมที่จ.สระบุรี อยู่แล้ว รวมกับที่คุณตูนชอบนมที่พ่อต้มให้ ซึ่งรสชาติจะเข้มข้นและหวานมัน ก็เลยตระเวนกินทั้งที่ไทยและต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีนมยี่ห้อไหนเหมือนกับของพ่อเลย
ซึ่งทำให้คุณตูนปิ๊งไอเดีย อยากทำแบรนด์นมแบบที่ตัวเองชอบกิน และคนอื่นก็กินได้ด้วย เค้าเลยใช้เวลาพัฒนาคิดค้นสูตร 1 ปี และมี ‘คุณทราย กันตพัฒน์ ทับทิมธงไชย’ เจ้าของร้าน COFFEELISM มาแจมด้วยเพราะอยากได้นมที่ใช่ รสชาติที่ชอบ มาใช้กับกาแฟในร้านตัวเองเหมือนกัน
แล้วที่บอกว่าเป็นนม Specialty ก็เพราะว่าเค้าใส่ใจตั้งแต่อาหารของวัวเลย คือใช้เป็นหญ้าเนเปียร์ที่มีสารอาหารสูง แล้วยังมีนักโภชนการคอยดูแลวัวด้วย ส่วนเรื่องพาสเจอร์ไรซ์ใช้วิธี Low Temp Long Time เป็นการพาสเจอร์ไรซ์ด้วยอุณหภูมิต่ำแต่ใช้เวลานาน ทำให้รักษารสชาติและคุณค่าทางอาหารของนมได้ดี พอเอาไปชงกาแฟ ก็ช่วยชูรสและกลิ่นกาแฟได้ดีมากขึ้น หรือถ้าเอามาทำฟองนม ก็ได้ฟองที่นุ่มฟูเนียนสวย ทำให้ร้านคาเฟ่กับลูกค้ายิ่งชอบเลยละ!
Dairy Home
‘Dairy Home’ ฟาร์มโคนมออร์แกนิคเจ้าแรกของไทย ที่เปิดมาแล้ว 26 ปี มีจุดเริ่มต้นแบรนด์มาจาก ‘คุณพฤฒิ เกิดชูชื่น’ ที่เคยเป็นนักวิชาการสอนปรับปรุงพันธุ์โคนม ที่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และจากประสบการณ์ที่เคยทำงานอยู่ที่ฟาร์มโคนมกว่า 10 ปี เค้าเลยตัดสินใจลาออกมาทำตามฝัน
ก็คือเปิดฟาร์มโคนมออร์แกนิค ที่จ.นครราชสีมา ที่นี่จะเลี้ยงวัวตามธรรมชาติ ให้เดินเล่นกินหญ้าจนอารมณ์ดี ที่สำคัญคือไม่ใช้ยาปฎิชีวนะสารเคมีกับวัวและพื้นที่ในฟาร์มเลยด้วย แล้วอีกอย่างที่เค้าเปิดทำฟาร์มก็เพราะ อยากช่วยเกษตรกรที่รายได้น้อย ให้มีรายได้มากขึ้นจากการรับซื้อนม แล้วเอามาพัฒนาสูตรจนขายในขวดแก้ว ก่อนที่ตอนหลังจะเปลี่ยนมาใช้แพ็กเกจจิ้งรีไซเคิล ที่มีพลาสติกน้อยลง 70% คือเค้าใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย
จนทุกวันนี้มีโปรดักส์หลายอย่าง ที่เป็นสูตรใหม่ไม่ว่าจะเป็น Bed Time Milk ที่ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น เพราะมีสารเมลาโทนินธรรมชาติ และล่าสุดก็เจาะตลาดนมโปรตีน เปิดตัวปุ๊บ หายากปั๊บกับสูตร High Protein Lactose Free มีโปรตีน 30g แล้วก็ไม่มีน้ำตาลแลคโตสด้วย คือเข้าใจเรื่องละว่าทำไมขายดี และจากกระแสที่แรงขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่ปี 67 Dairy Home จะโกยรายได้ไป 186 ล้านบาท
และนอกจากมีสินค้าขายตามห้าง ตามร้านค้าแล้ว Dairy Home ยังมีหน้าร้านชื่อ Dairy Home Restaurant ทั้งหมด 2 สาขาที่ปากช่อง บอกเลยว่ามีขายทั้งอาหาร, นมออร์แกนิค, ไอศกรีมโฮมเมด หรือจะผักออร์แกนิคจากฟาร์มของตัวเองก็มีให้ซื้อได้ด้วย เวลาได้ไปเที่ยวแถวนั้นทีไร บอกเลยว่าแวะแทบทุกครั้ง
Dalum
‘Dalum’ มีจุดเริ่มต้นมาจาก ‘คุณแสวง คงเพชรศักดิ์’ ที่เรียนจบจาก Dalum Dairy Technology College ซึ่งเป็นสถาบันที่เน้นสอนด้านโปรดักส์อาหารและนม ที่เดนมาร์ก หลังจากนั้นเค้าก็เอาประสบการณ์ + ความรู้ทั้งหมดที่มีมาทำธุรกิจนมโรงเรียน เพราะอยากให้นักเรียนได้กินนมสดมีคุณภาพ แต่พอทำไปเรื่อย ๆ เกิดไอเดียอยากขยายธุรกิจ ทำแบรนด์นมให้คนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่นักเรียน ได้กินนมสดคุณภาพดีเหมือนกัน หลังจากนั้นเลยเปิดแบรนด์ Dalum ที่จ.ลพบุรี จนถึงทุกวันนี้ก็ 23 ปีแล้ว
และจุดเด่นของแบรนด์คือ นมที่เลือกใช้และวิธีผลิตตามออริจินัลฉบับนมเดนมาร์กเลย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโปรตีน, แคลเซียมเข้าไปมากขึ้น ด้วยการระเหยน้ำออกจากนม และที่นี่นะเค้าจะไม่ใช้นมผง, ไม่แต่งกลิ่น และไม่เติมสารคงตัว ที่ใช้ทำให้นมเก็บได้นานขึ้น ที่สำคัญเลยนะเค้าใช้วัตถุดิบธรรมชาติ มาเป็นส่วนผสมผลิตนมรสชาติต่าง ๆ เช่น เนื้อกล้วยหอม, ผงโกโก้, น้ำผึ้งเกสรดอกลำไย แบบนี้จะทำให้ได้รสชาติของนมและวัตถุดิบนั้นเต็ม ๆ บอกเลยว่าหอมมันลงตัวสุด แล้วเค้าขายดีไม่มีแผ่วอย่างปี 67 รายได้พุ่งไปถึง 227 ล้านบาทเลย
แล้วรู้ป่ะ...นมของ Dalum ยังเคยได้เข้าไปเป็น Food Support ในคอนเสิร์ต The Elyxion In Bangkok 2018 ของวง Exo ด้วยนะ งานนี้ได้กินทั้งศิลปินและทีมงานเลย ทำให้หลายคนรู้จักแบรนด์มากขึ้น และไปหาซื้อมาลองกินตามกันเยอะขึ้นด้วย
Thai Denmark
‘Thai Denmark’ เป็นนมโคแท้ไม่ผสมนมผงเจ้าแรกของไทย ที่อยู่คู่คนไทยมานาน 63 ปีเลย ว่าแต่..มีใครเคยสงสัยปะ ว่าชื่อแบรนด์เค้าเกี่ยวอะไรกับประเทศเดนมาร์ค ? คือเรื่องเป็นงี้..มันเกิดจากตอนปี 2498 - 2502 ที่มีผู้เชี่ยวชาญการผลิตสุกรขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ จากประเทศเดนมาร์คมาทำงานที่ไทยกับกรมปศุสัตว์ อยู่ ๆ เค้าก็สังเกตเห็นว่าคนไทยกินนมน้อยมาก บางคนก็ใช้นมข้นหวานมาผสมน้ำกินแทน ซึ่งมันไม่ได้ประโยชน์เลย
เค้าเลยได้แรงบันดาลใจจากตรงนี้ เกิดเป็นแบรนด์ดี ๆ ที่เกิดจากการแท็กทีมของรัฐบาลไทย - เดนมาร์ค เปิดฟาร์มโคนมขึ้นมาซะเลย ที่จ.สระบุรี และยังเป็นศูนย์การเรียนรู้โคนม, ผลิตนมต่าง ๆ ด้วย หลังจากนั้น 8 ปี สัญญาแท็กทีมก็หมด พอถึงปี 2514 รัฐบาลไทยก็ดูแลต่อทั้งหมด
นอกจากนี้นมไทยเดนมาร์คยังได้รับการสนับสนุน จากในหลวงร.9 ท่านให้ความสนพระทัยเรื่องฟาร์มโคนม หลังจากที่ได้ทรงไปเห็นที่ประเทศเดนมาร์ค ตอนปี พ.ศ. 2503 เลยอยากให้เกษตรกรไทย มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงขึ้น รวมถึงอยากให้คนไทยได้กินนมที่มีคุณภาพดีด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแรงซัพพอร์ตที่ทำให้เกิดเป็นแบรนด์ 'นมไทยเดนมาร์ค' ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
สำหรับจุดเด่นของแบรนด์ ต้องบอกว่าเค้าเป็นหัวแถวนม UHT เจ้าแรกของไทย ที่ใช้วิธีฆ่าเชื้อด้วยความร้อนอุณหภูมิเกิน 133 องศา ไม่น้อยกว่า 1 วินาที ทำให้ยืดอายุนมไว้ได้นาน แบบไม่ต้องแช่เย็นเลย และทุกวันนี้เค้ารับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรฟาร์มใกล้เคียง และขยายธุรกิจฟาร์มไปอีกหลายจังหวัดเลยเช่น จ.เชียงใหม่, จ.ขอนแก่น, จ.สุโขทัย, จ.ประจวบคีรีขันธ์ นี่แหละเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปี 67 รายได้ถึงปาไป 6,155 ล้านบาท
มาสรุปกันหน่อย
นมไทยแต่ละแบรนด์ก็มีดีไม่แพ้กัน! แล้วเค้ามีนมหลายประเภทและรสชาติที่แตกต่างกันไป แถมทุกแบรนด์ยังใส่ใจคุณภาพ + พัฒนาปรับสูตรกันเรื่อย ๆ ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่กระแสนมไทยก็แมสมาตลอด สำหรับใครที่อยากลองกิน เราแนะนำว่าเริ่มจากซื้อขวดเล็กก่อนก็ได้ ไว้ถูกใจแบรนด์ไหนก็ค่อยซื้อเพิ่มได้ ยังไงก็ลองมากินนมแบรนด์ไทยกันน้า แล้วจะรู้ว่าแบรนด์ไทยก็ทำถึง!
👇🏻อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่👇🏻
โดย JINFEB
🍀💜




