คู่มือใช้ชีวิตนอกบ้าน ในสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด
โดย : imnat
แม้ว่าช่วงนี้จะมีการรณรงค์ให้ อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
แต่ก็ยังมีคนบางส่วน ที่ยังต้องออกไปทำงานนอกบ้านกันอยู่
สำหรับใครที่จะต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านในช่วงนี้
ได้เวลามาเตรียมความพร้อม เพื่อตัวเราเองและคนรอบข้างกันนะจ๊ะ
หลังจากผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ติดกับบ้านมานาน รัฐบาลก็เริ่มมีการทยอยเปิดสถานที่ต่างๆ กันแล้ว แต่ก็ใช่ว่าการเปิดสถานที่ครั้งนี้จะปลอดภัยไปซะทีเดียว เพราะพฤติกรรมดังกล่าวนี้ถือว่าเสี่ยงมากๆ ต่อการเผชิญหน้ากับเจ้าเชื้อไวรัสโควิด-19 กันอีกครั้ง บางคนอาจจะกำลังกล้าๆ กลัวๆ กันอยู่ หรือบางคนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านได้ แล้วถ้าเราจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้านจริงๆ จะมีวิธีการป้องกันและดูแลสุขภาพของตัวเองกันยังไง ปันโปรเรามีคำแนะนำดีๆ มาให้แล้ว
รักษาระยะห่างทางสังคม
หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อนึงว่า Social Distancing ซึ่ง Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคมนั้นถูกพูดถึงกันมาได้สักพักใหญ่ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่เรียกได้ว่าแทบจะทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิดกันเลย และเมื่อมองเผินๆ หลายคนอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจกับการรักษาระยะห่างนี้กันสักเท่าไหร่ แต่จะบอกว่ามันสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้จริงๆ
สำหรับขั้นตอนการทำงานของ Social Distancing นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจากคนสู่คน ยกตัวอย่างสถานการณ์เวลาที่คนเราพูดจาสื่อสารกัน ทุกคนรู้กันไหมว่าในขณะที่เราสื่อสารกันนั้นมีละอองที่ถูกปล่อยออกไปพร้อมกับน้ำลายซึ่งมีขนาดเล็กมากๆ จำนวน 3,000 ละอองในระยะ 1 เมตร
และอย่างที่เราพอจะรู้กันดีว่าการติดเชื้อไวรัสโควิดจากคนสู่คนนั้นสามารถติดต่อกันได้ผ่านระบบหายใจ รวมไปถึงการสัมผัสสารคัดหลั่ง ซึ่งถ้าคนที่เราพูดจาด้วยนั้นได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้มา เราผู้ที่ทำการสื่อสารด้วยก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อตัวนี้เข้ามายังร่างกายได้เหมือนกัน แถมยังยากต่อการระบุหาตัว เพราะกว่าจะแสดงอาการเวลาก็ผ่านล่วงเลยมาเป็นสิบๆ วันแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสังคมถึงต้องรณรงค์ให้รักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อลดโอกาสเสี่ยง รวมไปถึงลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนั่นเอง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของโดยไม่มีการป้องกัน
เวลาที่เราออกไปนอกบ้าน เราไม่มีทางรู้เลยว่าข้าวของที่เราสัมผัสด้วยความจำเป็นหรือไม่จำเป็นนั้นมีเชื้อโรคอะไรซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องเดินทางเข้าเขตสถานพยาบาลรวมไปถึงพื้นที่สาธารณะ เราควรที่จะต้องป้องกันตนเองก่อนจะสัมผัส หยิบจับอะไร ด้วยการพกสเปรย์แอลกอฮอล์หรือเจลทำความสะอาดมือ โดยใช้ทั้งก่อนและหลังการสัมผัสสิ่งของ และหมั่นทำให้ติดจนเป็นนิสัย ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรใดๆ ช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกแปลกๆ ไม่คุ้นชินกันบ้าง หรือเราอาจไม่เคยมองเห็นภาพของตัวเองที่รักความสะอาดขนาดนี้ แต่เชื่อเถอะว่ามันดีกับตัวคุณจริงๆ กันไว้ดีกว่ามานั่งแก้ให้เสียทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมไปถึงเงินทองในภายหลังนะจ๊ะ
สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และอย่าลืมล้างมือบ่อยๆ
เมื่อเราต้องจัดการกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด หน้ากากอนามัยคือทางออกของปัญหาอันดับต้นๆ ถ้าหลายคนยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเราเคยตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัยกันมาก่อน ก่อนจะตามมาด้วยการโก่งราคาหน้ากากที่สูงจนเกือบจะแตะหลักหมื่นเลยก็มี แต่ล่าสุดปัญหาเหมือนจะค่อยๆ ซาลง หลังจากมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีการแก้ปัญหาในกรณีที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยที่ใช้ทางการแพทย์ว่าสามารถใช้หน้ากากแบบผ้าทดแทนได้
ถึงแม้ว่าหน้ากากผ้าไม่สามารถกันละอองได้ 100% แต่ก็สามารถช่วยลดโอกาสในการสัมผัสใบหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการติดเชื้อได้ เพราะอย่างที่บอกไปว่าละอองการแพร่กระจายของเชื้อนั้นมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ซึ่งถ้าเราเผลอไปสัมผัสละอองดังกล่าวแล้วนำมือมาสัมผัสบริเวณในหน้าต่อ โอกาสติดเชื้อก็จะมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะให้ความมั่นใจกับตัวเองได้เลยว่าเรานั้นไม่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อแน่นอน ทางออกของปัญหาเลยถูกโยนมาไว้ที่หน้ากากอนามัย ซึ่งทุกคนควรจะสวมทุกครั้งก่อนออกไปทำธุระนอกบ้าน
รวมไปถึงพฤติกรรมการล้างมือ ที่นอกจากจะใช้เจลทำความสะอาดมืออย่างที่กล่าวไปในข้อที่แล้ว จะบอกว่าเชื้อไวรัสโควิดแท้จริงแล้วก็มีจุดอ่อนอยู่ที่สบู่ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเชื้อไปสัมผัสกับสบู่แล้ว ก็จะถูกทำลายลงในทันที จึงกลายเป็นว่านอกจากที่เราจะใช้เจลทำความสะอาดหลังจากที่ไปสัมผัสหยิบจับอะไรแล้ว ก็อย่าลืมล้างมือบ่อยๆ รวมไปถึงสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งกันด้วย
หากมีอาการไอหรือจามควรใช้บริเวณข้อพับแขนแทนการใช้มือป้องบริเวณปากและจมูก
ถ้ารู้สึกว่าตนเองอยากจะไอหรือจามขึ้นมา ให้เราทำการจามใส่บริเวณข้อพับแขนแทนการใช้มือป้องปากและจมูก รวมไปถึงการสัมผัสบริเวณส่วนอื่นของใบหน้า หรือถ้าไม่ใช่เรา แต่เราดันไปเจอคนที่กำลังไอหรือจามขึ้นมา ให้เราทำการหลีกเลี่ยงในระยะประมาณ 2 เมตร เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของละอองน้ำลายที่ถูกปล่อยออกมาหลังจากการจาม
อย่าเพิ่งอุ่นใจแม้กลับมาถึงบ้านแล้ว
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการป้องกันเชื้อโรคที่จะแพร่กระจายสู่สมาชิกคนอื่นๆ ภายในบ้าน ด้วยการล้างมือและอาบน้ำให้สะอาดทันที สำหรับการล้างมือที่ดีที่สุดนั้นควรใช้เวลาในการล้างมากกว่า 20 วินาทีขึ้นไป สำหรับเสื้อผ้าให้นำไปซักด้วยผงซักฟอกเพื่อลดการสะสมและก่อตัวของเชื้อโรค (หรือใครยังไม่อยากซักเลยในตอนนั้น ให้นำเสื้อผ้าไปแช่ทิ้งไว้กับน้ำผงซักฟอกก่อน)
เมื่อทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้ากันเรียบร้อย ให้เราทำความสะอาดข้าวของที่หยิบจับเมื่ออยู่นอกบ้าน อาทิ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋า หรือแม้แต่พวงมาลัยรถยนต์ก็ถือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อที่ดีเช่นกัน โดยวิธีการทำความสะอาดเบื้องต้นคือการใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณโดยรอบสิ่งของ อย่างกระเป๋าถ้าเราสามารถนำไปผึ่งให้โดนแดดเพื่อทำการฆ่าเชื้อได้จะยิ่งดีมาก
และนอกจากข้าวของเครื่องใช้ที่ได้กล่าวไปแล้ว ตัวช่วยอย่างหน้ากากอนามัยก็ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน ถ้าเพื่อนๆ เลือกสวมหน้ากากอนามัยประเภทที่นำกลับมาใช้ซ้ำไม่ได้ ให้นำหน้ากากอนามัยดังกล่าวม้วนและพับให้เรียบร้อยก่อนใส่ถุงแล้วนำไปทิ้ง ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำอีกครั้ง เว้นแต่ว่าหน้ากากชนิดนั้นจะเป็นหน้ากากแบบผ้า ซึ่งก็ไม่แนะนำให้นำกลับมาใช้ในทันที เพราะตัวหน้ากากจะต้องผ่านการซักทำความสะอาด ตากแดดให้แห้งก่อนแล้วค่อยนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้หน้ากากผ้า หลังจากใช้เสร็จเรียบร้อยก็ทิ้งโลดจ้า
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนอยากอ่านคำแนะนำโดยละเอียด ล่าสุดทาง สสส. ได้จัดทำคู่มือป้องกันตัวเองเวลาที่ออกนอกบ้านมาให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปอ่านและดูแลตัวเองกัน ซึ่งแอดพบว่ามันดีและมีประโยชน์มากๆ โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปอ่านกันได้ที่ > คลิก
จะเห็นได้ว่าขั้นตอนของการใช้ชีวิตนอกบ้านนั้นไม่ได้มีอะไรยากเกินความสามารถของเราเลย
เพียงแค่เรามีจิตสำนึกและระลึกอยู่เสมอว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
แต่เชื่อเถอะว่าสัญชาตญาณของทุกคนจะทำให้เราผ่านพ้นสภาวะวิกฤตนี้กันไปได้
แต่ ณ จุดนี้ขอพึ่งหน้ากากอนามัย และล้างมือวนไปก่อนก็แล้วกันน้าา
- ขอบคุณข้อมูลจาก สสส. -
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)