เปิดแพลนเที่ยวกาญจนบุรี แบบเช้าไป-เย็นกลับ วันเดียวเที่ยวจุใจ!

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer17 พ.ย. 2563 avatar writer25.1 K
เปิดแพลนเที่ยวกาญจนบุรี แบบเช้าไป-เย็นกลับ วันเดียวเที่ยวจุใจ!


ไป 'กาญ' กันไหม บอกเลยไปง่ายกว่าที่คิด
จะสายคาเฟ่ ถ่ายวิว หรือสายกิน
แวะที่เดียวครบ ไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้!


ช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ปกติเราคงจะใช้เวลาอยู่บ้าน เดินห้าง หรือไม่ก็ชวนเพื่อนออกไปถ่ายรูปเล่นที่คาเฟ่กันใช่ไหม จะบอกว่าที่ละแวกใกล้ๆ กรุงเทพฯ อย่างกาญจนบุรี ถือเป็นอีกหนึ่งพิกัดที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะเดินทางง่ายแล้ว ที่กาญจน์ ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่รอทุกคนอยู่เพียบ โดยเฉพาะใครที่ชอบถ่ายรูปคู่กับวิวท้องฟ้า เช็กอินคาเฟ่ชิคๆ บอกเลยว่าแทบจะทุบปุ่มไลก์ วันเดียวเที่ยวจุใจ ใครยังไม่รู้จะวางแผนทริปยังไง ปันโปรจัดให้แน่นๆ ไปเลยจ้าา 😜 

 

 

สำหรับใครที่จะมากาญจน์ ปันโปรแนะนำว่าให้ขับรถมาจะเป็นการดีที่สุด อย่างทริปนี้ปันโปรก็เลือกใช้บริการรถเช่าจาก Chic Car Rent โดยเลือก Pick-Up จากที่สนามบินดอนเมือง พอกลับถึงกรุงเทพฯ ก็แค่เอารถไปแหมะคืนก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย จบทริปสวยๆ เลยจ้า

 


📍 Station 1 : ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เพื่อไปเช็กอินที่คาเฟ่สุดฮิต!


สำหรับจังหวัดกาญจนบุรีนั้นใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (อาจจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ถ้าหากรถไม่ติดมาก) ซึ่งทางเราก็นัดรวมพลเพื่อนๆ กันตั้งแต่ 6.30 น. ก่อนล้อหมุนในเวลา 7.00 น. ข้อดีของการออกเดินทางเวลานี้คืออากาศยังไม่ร้อนมาก และเมื่อไปถึงกาญจน์ ก็ได้เวลาที่คาเฟ่เปิดพอดี

และสำหรับคาเฟ่ที่ปันโปรเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรกนั้นเป็นคาเฟ่ที่กำลังมาแรงอย่าง The Attic (ดิ แอคติค) ที่เป็นที่รู้จักกันกับมุมถ่ายรูปบนหลังคาสีเขียวพาสเทล ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องเลิฟ และจะบอกว่านอกจากมุมสุดฮิตมุมนี้แล้ว ทางด้านหลังของร้านยังมีวิวภูเขาที่เราสามารถไปนั่งโพสต์ท่าถ่ายรูปกันได้อีกด้วย บรรยากาศของร้านคือดีมาก ขนมนมเนยก็อร่อย ใครมารับรองว่าต้องชอบ!

 

 

 



📍 Station 2 : มากาญฯ ต้องห้ามพลาด! สะพานข้ามแม่น้ำแคว


หลังจากแวะเช็กอินที่คาเฟ่กันไป ปันโปรขอพาทุกคนมาเช็กอินกันต่อที่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานประวัติศาสตร์ที่ไม่ว่าใครมากาญจน์ ต้องแวะมาที่นี่ แถมใช้เวลาไม่นาน เดินไป-กลับ แวะดูโน่น ดูนี่ นิดหน่อยก็ถือว่าคุ้มแล้ว ที่สำคัญบริเวณด้านหน้าทางเข้ายังมีร้านค้าขายเครื่องประดับที่ทำมาจากพลอยและหินสีกระจุกกระจิกให้สาวๆ หนุ่มๆ ได้เสียทรัพย์อีกตรึม แถมราคาคือน่ารักมาก ปันโปรได้กำไลข้อมือมาในราคาแค่ 20 บาทเท่านั้นเอง

หรือว่าใครที่เป็นคอประวัติศาสตร์ตัวยง ออกมาจากสะพานแล้ว อย่าลืมแวะไปที่พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ากันต่อด้วย รับรองว่าได้ซึมซับประวัติศาสตร์กันแบบเต็มอิ่มแน่นอน อ่ะๆ แต่แนะนำว่าไม่ควรมาสายมากนะ สัก 10-11 โมงกำลังดี คนกำลังไม่เยอะ ถ่ายรูปออกมาแล้วได้วิวคลีนๆ แน่ แต่ถ้ามาสายอาจจะเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ กันเยอะหน่อย ถ้าใครไม่ซีเรียสก็มานอกเหนือจากเวลาที่เราแนะนำไปก็ได้น้าา

 

 

 



📍 Station 3 : สายเขียวห้ามพลาด! ได้เวลาหลบร้อนกันที่ใต้ต้นจามจุรียักษ์


หลังจากปันโปรเจอฝนหน่อยๆ ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว พอมาถึงจุดเช็กอินต่อไปแดดคือมาเต็มมาก! ฟ้าสดใสเข้ากับสถานที่สุดๆ สำหรับพิกัดอย่าง ต้นจามจุรียักษ์ แห่งนี้ถือว่าเป็นจุดเช็กอินที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับสะพานข้ามแม่น้ำแควเลยทีเดียว โดยเฉพาะใครที่มาทริปกับคุณพ่อ-คุณแม่รับรองว่าพวกท่านจะต้องชอบ เพราะบรรยากาศคือดีมาก

และถึงแม้ว่าวันที่ปันโปรไปจะมีแดด แต่อากาศคือเย็นสบายสุดๆ ที่สำคัญคือสงบมาก สามารถเดินเข้าไปนั่งพักใต้ต้นไม้ได้แบบชิลๆ หรือใครเกิดหิวขึ้นมา บริเวณทางเข้ายังมีร้านอาหารให้เลือกทานกันหลายร้าน แถมยังมีห้องน้ำพร้อมอำนวยความสะดวกครบ ลานจอดรถกว้างขวาง รองรับนักท่องเที่ยวได้แบบจุใจแน่นอน

 

 

 



📍 Station 4 : วิถีเน็ตไอด้อนทำงานกันต่อ กับพิกัดเช็กอินที่ต่อไป!


ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุ่งนาจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่น่าสนใจของกาญจนบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาเฟ่แบบนี้ ถือว่าได้ฟีลแปลกใหม่น่าสนใจสุดๆ เพราะปกติแล้วเราคงจะคุ้นกับคาเฟ่ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศบ้างล่ะ แต่เราเป็นคนไทย การได้มาเจอกับบรรยากาศชนบทๆ แบบนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างที่ มีนา cafe' ทำได้ดีสุดๆ

แล้วเห็นแบบนี้ เอาจริงๆ คือคนแน่นร้านมากกกกกก คนเก่าไป คนใหม่มา สลับสับเปลี่ยนกันไปทั้งวัน ไม่มีช่วงให้หยุดพักหายใจกันเลย แต่เหมือนเค้าคิดมาแล้วว่าการรองรับลูกค้าจำนวนมากๆ จะต้องแลกมาด้วยพื้นที่นั่งทานขนมและเครื่องดื่มจำนวนมากด้วยเช่นกัน ที่สำคัญคือแต่ละโซนที่นั่งของร้านคือให้กลิ่นอายที่แตกต่างกัน ปันโปรบอกเลยว่าสายถ่ายรูปคือได้รูปกลับไปเยอะแน่นอน เพราะแต่ละมุมคือดีต่อใจมาก ลงทั้งปีก็ลงไม่หมด ถ่ายครบทั้งร้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ 😅 

 

 

 



📍 Station 5 : กินของหวานกันมาทั้งวัน ขอปิดท้ายทริปด้วยของคาวกับวิวสวยๆ สักหน่อย


สารภาพว่าทางเรายังติดใจกับวิวสวยๆ ของทุ่งนากันอยู่ เลยขอปิดท้ายวันกับมื้ออาหารเย็นกันที่ รักษ์คันนา ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาที่อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ (ขับต่อจากมีนา cafe' มาไม่ไกล) หรือใครไม่ถูกจริตกับก๋วยเตี๋ยว อยากทานเป็นอาหารประเภทอื่นๆ สามารถเลือกดูแถวร้านมีนา cafe' กันก็ได้นะ เพราะมีร้านให้เลือกเยอะอยู่ ส่วนใครที่อยากลองทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขาแบบปันโปร ก็ให้รีบปักพิกัดมาที่นี่ได้เลย

ข้อดีของร้านนี้คืออยู่ใกล้วัดมากกกก เห็นวิวแบบใกล้ชิดสุดๆ ที่สำคัญคือร้านตั้งอยู่ในมุม unseen ต้องขับรถต่อเข้ามาอีกกว่าจะถึง (แต่ใช้เวลาไม่นานนะ) ที่สำคัญเห็นแบบนี้แต่ลูกค้าร้านนี้เยอะมาก ก๋วยเตี๋ยวต้มยำคือ the best ราคาก็ไม่แพง รสชาติกลมกล่อม เปรี้ยวนำตามสไตล์ต้มยำเลย ยัง ยังไม่หมด รอบๆ ร้านยังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก มีชิงช้าเอย นุ้งควายเอย วิวทุ่งนาหลักล้านเอย รับรองว่านอกจากอิ่มอร่อยแล้ว บรรยากาศคือ 10 10 10 ไปเลยจ้า~

 

 

 

หลังจากอิ่มอก อิ่มใจกันเป็นที่เรียบร้อย สำหรับใครที่ยังพอมีเวลาเหลือ อย่าลืมแวะไปไหว้พระกันต่อที่วัดถ้ำเสือ ขอพรให้ปังๆ รับปีใหม่กันสักหน่อย เสร็จแล้วก็ได้เวลามุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ในเวลาตกเย็นพอดี บอกแล้วว่าทริปนี้แน่นจุใจ ถูกใจสายคาเฟ่ สายกิน และสายเสพวิวกันถ้วนหน้าแน่นอน

 

สำหรับใครที่สนใจและกำลังมองหารถเช่าดีๆ ราคาคุ้มๆ
มีให้เลือก Pick Up ได้หลายจังหวัด
สามารถเข้าไปอ่านรีวิวเพิ่มเติมกันได้ที่ > คลิก

 

 

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น