Vans Slip-on รองเท้าลายตารางตัวตึง ผ่านมากี่ยุคก็ยังฮิตไม่เคยเปลี่ยน

avatar writer
โดย : Ying
avatar writer16 มี.ค. 2567 avatar writer370
Vans Slip-on รองเท้าลายตารางตัวตึง ผ่านมากี่ยุคก็ยังฮิตไม่เคยเปลี่ยน

ถ้าพูดถึงรองเท้าลายตาราง พื้นวาฟเฟิล เพื่อน ๆ คิดถึงรองเท้าแบรนด์ไหน ติ๊กต๊อก ๆ 

 

เชื่อว่าหลายคนจะตอบว่า Vans Slip-on อย่างแน่นอน เหตุผลก็เพราะว่ารองเท้า Vans รุ่นนี้มีภาพจำแบบนี้มานานมาก พิธีกรในรายการพอดแคสต์ Sneaker On Sight ถึงกับมีคนเอ่ยปากประมาณว่า “ ผมไม่รู้นะว่าใครเป็นเจ้าแรกที่ผลิตรองเท้าทรงสลิปออน แต่เมื่อไหร่ที่คิดถึงรองเท้าทรงนี้ ผมจะคิดถึง Vans ก่อนเสมอ ” แต่เชื่อไหมว่า ถึงจะอยู่มานานขนาดเกือบครึ่งทศวรรษ Vans Slip-on กลับเป็นรองเท้าที่ไม่เคยหลุดกระแส ซ้ำยังเป็น 1 ในรองเท้าที่หลายคนแนะนำว่าควรจะมีติดตู้อีกด้วย และบทความนี้ เราจะมาเล่าเรื่องราวของ Vans Slip-on กันจ้า 

 


Vans รองเท้าของที่ยืน 1 ในวงการสเก็ตบอร์ด
🖤 

 

ก่อนอื่นเรามารู้แบรนด์ของเค้ากันก่อนดีกว่า Vans ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 1966 โดยคุณ Paul Van Doren และคุณ James Van Doren โดยรองเท้าคู่แรกของร้านคือ Vans #44 Deck Shoes หรือปัจจุบันเราจะรู้จักกันในชื่อ Authentic ในตอนนั้นรองเท้าแต่ละคู่ของ Vans จะมีเอกลักษณ์คือ พื้นรองเท้าแบบวาฟเฟิล ซึ่งที่มาก็คือขนมวาฟเฟิลที่ภรรยาเค้าทำให้กินนั่นแหละ

 

ส่วนจุดที่ทำให้เค้าเป็นเบอร์หนึ่งของวงการรองเท้าสเก็ตบอร์ดได้เกิดขึ้นในปี 1970 ช่วงนั้นกระแสสเก็ตบอร์ดมาแรงมาก อีกทั้ง Z-boys Tony Alva และ Stacy Peralta นักสเก็ตบอร์ดคนดังของยุค ยังได้หยิบเอา Vans ไปใส่เล่นด้วยความที่รองเท้ารุ่นนั้น ยึดเกาะกับพื้นสเก็ตบอร์ดได้ดี แถมยังทนทาน Alva จึงอวยยศให้ Vans ว่า “รองเท้า Vans คือรองเท้าที่เหมาะกับทุกสถานการณ์รวมถึงการเล่น Skateboard ” เมื่อตัวตึงของวงการพูดแบบนี้ Vans ก็ยิ่งเปรี้ยงปร้างกว่าเดิม และจากนั้นเป็นต้นมาเค้าก็หันมาเอาดีด้านรองเท้าสเก็ตแบบเต็มตัวไปเลย โดยรุ่นที่เขาทำออกมาก็ใช้ชื่อว่า “ The Era ” และให้รหัสว่า Style #95

 

ร้านแรกของ Vans ที่ด้านหน้าเป็นร้าน ด้านหลังเป็นโรงงานผลิตรองเท้า
ขอบคุณภาพจาก vans.com

 


Vans Slip-on ลายตารางหมากรุกติดตา ดาราหน้ากล้องสุดโด่งดัง

🖤

 

 

Vans รันวงการสเก็ตบอร์ดไปหลายปี จนกระทั่งประมาณปี 1977 รองเท้าดีไซน์ใหม่อย่าง Vans Slip-on ก็ถูกเปิดตัว ตอนนั้นเค้าให้รหัสเป็น style #48 โดยรุ่นนี้มีดีไซน์ที่เรียบ ๆ ไม่มีลวดลาย และไม่มีเชือกรองเท้า คือใส่แบบสวมเท้าเข้าไปตามชื่อเลย ต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรกที่ Slip-on ออกมายังไม่ได้เป็นที่นิยมอะไรขนาดนั้นนะ แต่แล้วทุกอย่างก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปไม่ว่าจะดีไซน์ และความนิยมที่พุ่งสูงปรี๊ด

 

 

  • ที่มาลายตารางหมากรุกสุดฮิต

 

เรื่องเกิดจาก Steve Van Doren ลูกชายของ Paul Van Doren ที่บังเอิ๊ญบังเอิญไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นนำปากกามาวาดลายตารางหมากรุก หรือ checkerboard ที่รองเท้ารุ่นนี้พอดี เขาก็เลยนำดีไซน์สุดบรรเจิดนี้มาใช้จริง ผลิตจริง ขายจริงซะ แล้วสรุปก็ได้รับความสนใจจริงซะนี่! คือด้วยความแปลกตาไปจาก Vans รุ่นก่อน ๆ ที่มีดีไซน์เรียบ ๆ แต่ละคู่จะเป็นสีเดียวหรือเต็มที่ก็แค่สองสี อ่ะเนอะ พอมีลายตารางเข้ามาก็เลยกลายเป็นเท่แหวกแนว แล้วนั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Checkerboard Classic Slip-On ที่เป็นภาพจำของพวกเรามาจนถึงวันนี้

 

  • รองเท้าลายตารางกับบทบาทดาราหน้ากล้อง

 

ปี 1982 รองเท้าลายตารางนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเมื่อ Sean Penn นักแสดงหลักจากเรื่อง Fast Times at Ridgemont High โดยเขาได้ไปบอกผู้กำกับว่า อยากจะใส่รองเท้าคู่นี้ในหนังซะหน่อย ทำให้รองเท้าคู่นี้ได้เข้าไปโลดแล่นอยู่ในจอทั้งเรื่องประดุจดั่งเป็นดาราท่านหนึ่งของหนังเรื่องนี้เลย ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นกระแสซะอีก วัยรุ่นสมัยนั้นก็เลยแต่งตัวเลียนแบบ Sean Penn กันทั่วบ้านทั่วเมือง นั่นเลยทำให้ Vans Checkerboard Classic Slip-On ฮิตแบบกระจายขึ้นมาในชั่วข้ามคืนเท่านั้น

 

ภาพซ้ายเป็นภาพจากหนังเรื่อง Fast Times at Ridgemont High 
ภาพขวาจะเป็นรองเท้า Vans Slip-On ที่มีลายตรงขอบรองเท้าเป็นชื่อหนังเรื่อง Fast Times at Ridgemont High  

 


Vans Slip-On รองเท้าแมทช์ง่าย ใส่เมื่อไหร่ สนุกเมื่อนั้น
🖤

 

ทุกวันนี้ เรามักจะเห็นผู้คนใส่รองเท้ารุ่นนี้กันอยู่เสมอ อย่างเช่นเรานี่เลย 1 อาทิตย์มี 7 วันใส่ Vans Slip-On ไปแล้ว 4 วัน แต่ก็น่าคิดนะว่า เหตุผลอะไรกันที่ทำให้ Vans Slip-On ยังคงเป็นรองเท้าที่ไม่เคยหายไปตามกาลเวลา

 

  • ใส่สะดวก แถมยังอึด ถึก ทน

 

แน่นอนว่าพอเป็นทรงสลิปออน ไม่มีเชือกรองเท้า การสวมใส่ก็สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยผูกเชือกทุกครั้งไป แถมระหว่างวันก็ไม่ต้องมากังวลว่าเดิน ๆ ไปเชือกรองเท้าจะหลุดไหม ใช้ไปนาน ๆ เชือกจะดำหรือเปล่า นี่คือความสะดวกที่ Vans Slip-On ให้กับเราได้ อีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ ความอึดทนของรองเท้า โดยเฉพาะตรงพื้นรองเท้าของเขานั่นแหละ ถึงขึ้นเคยมีคนพูดว่า ต่อให้ส่วนบนของรองเท้าจะขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี แต่พื้นรองเท้าจะยังอยู่กับเราเสมอ 

 

  • แมทช์ง่าย ชุดไหนก็รอด 

 

รองเท้าคู่นี้จัดเป็น 1 ในรองเท้าที่ใส่กับชุดไหนก็รอด กระโปรงเอย กางเกงยีนส์เอย ใส่เที่ยว ใส่ทำงาน จะใส่กับถุงเท้าข้อสั้น หรือแฟชั่นถุงเท้าข้อยาว ใครอยากแมทต์กับชุดไหนลองเลย รับรองว่าเอาอยู่ อย่างเรานี่คือใส่ชุดเดรสกับ Vans Slip-On บ่อยมาก

 

  • คอลแลปบ่อยมาก แต่ละลายคือสนุกสุด

 

Vans เป็นรองเท้าที่คอลแลบบ่อยมากทั้ง คนดัง การ์ตูน แบรนด์ชั้นนำ วงดนตรี ภาพยนตร์ ศิลปะ นาซ่า หรือแม้แต่คอลแลบกันเองในแบรนด์ Vans ก็ทำมาหมดแล้ว นั่นจึงทำให้สนุก และไม่น่าเบื่อเลย โดยเฉพาะรุ่น Slip-On ที่มีพื้นที่โล่งบนรองเท้าค่อนข้างเยอะ ทำให้เล่นลวดลายได้หลากหลาย และลายที่ออกมายิ่งสวยเป็นพิเศษนั่นเอง

 


 

มาถึงตรงนี้คิดว่า หลายคนคงเข้าใจกันแล้วว่า ทำไม Vans Checkerboard Classic Slip-On  ถึงยังอยู่ในกระแสแบบคงเส้นคงวามาหลายสิบปี เรื่องคุณภาพของรองเท้าก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้าที่เข้าถึงง่าย สไตล์ไหนก็เข้าถึงได้

 

 Vans Premium ขอบคุณภาพจาก Facebook : Vans 


ล่าสุด Vans เพิ่งเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ภายใต้ชื่อ Vans Premium ที่ถึงแม้จะยังคงสไตล์เดิมไว้ แต่สิ่งพิเศษกว่าเดิมคือ การตัดเย็บที่ปราณีต การเลือกใช้วัสดุที่หนาขึ้น พื้นรองเท้านุ่มสบาย และที่สำคัญที่เราประทับใจอย่างมากเลยคือ Sola Foam ADC ( All-Day Comfort) เทคโนโลยีพื้นโฟมรุ่นใหม่ของ Vans ผลิตจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติถึง 30% เลยทีเดียว Vans Premium ถูกผลิตออกมาด้วยกัน 3 รุ่นคือ OLD SKOOL, AUTHENTIC, และ SLIP ON  ใครอยากชมตัวจริงเสียงจริงก็แวะไปที่ช็อปได้เลยจ้า

 


 

💙  อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่


แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://ppro.pro/3vbJhCu / https://ppro.pro/4afRjZQ / https://ppro.pro/43krmGr / https://ppro.pro/3PokoKC https://ppro.pro/4944pZu / https://ppro.pro/4aijGH3

 

  • avatar writer
    โดย Ying
    ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨
แสดงความคิดเห็น
tapepe5165
tapepe5165
I like and appreciate the product you posted, it's very beautiful and sporty. https://driving-directions.io
ตอบกลับ | 1 เดือนที่แล้ว 0