ฮาโลวีน...เทศกาลปล่อยผีที่ต้องมีฟักทอง! ว่าแต่มันเกี่ยวกันยังไง และมีที่มายังไงนะ?

วนกลับมาอีกปีแล้วสินะ กับเทศกาลที่หลายคนรอคอย...นั่นก็คือ “วันฮาโลวีน”(Halloween) นี่เอง หรือที่เราจะเรียกกันว่า วันปล่อยผี! ก็ได้ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. ของทุกปี แล้วถ้าพูดถึงวันฮาโลวีนเนี่ย สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ “ฟักทอง” 🎃 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้ แล้วเคยสงสัยกันปะ...ว่าทำไมต้องเป็นฟักทองด้วยล่ะ ? (แตงโม หรือเมล่อนไรงี้ไม่ได้เหรอ...) วันนี้เราก็เลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน พร้อมทั้งพาไปรู้จักกับเทศกาลฮาโลวีนให้มากขึ้นด้วย

---

 

วันฮาโลวีนคืออะไร? 👻

ก่อนจะไปพูดถึง “ฟักทอง” เราขอพาทุกคน มาทำความรู้จักกับเทศกาล “ฮาโลวีน” (Halloween) กันก่อน ซึ่งเทศกาลนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งตะวันตกนู้น แล้วคำว่า “Halloween” ก็มาจากคำว่า “All Hallows Eve” ที่หมายถึง วันก่อนถึง วันสมโภชนักบุญของศาสนาคริสต์ ที่มีชื่อเรียกว่า All Hallows Day หรือ All Saint’s Day นั่นเอง ที่จะตรงกับวันที่ 1 พ.ย. (เป็นของนิกายคาทอลิกนะ)

 

สำหรับจุดเริ่มต้นของเทศกาลนี้มีขึ้นมานานมาก ๆ แล้ว มาจากชาวเคลต์ (Celt) กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองทางยุโรป โดยทุกวันที่ 1 พ.ย. จะเป็นวันฉลองปีใหม่ของพวกเค้า มีขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งความตาย (Samhain) และพวกเค้ามีความเชื่อว่า วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่วิญญาณกับมนุษย์จะเชื่อมโยงกันได้ บ้างก็ว่าสิงร่างได้ด้วย (น่ากลัวอยู่นะ!) เค้าก็เลยคิดหาวิธีป้องกันตั่งต่าง ไม่ว่าจะเป็น การดับไฟบ้านให้มืดสนิท หรือแต่งตัวให้เหมือนผีเพื่อตบตาเหล่าวิญญาณ และจัดงานเลี้ยงฉลองให้เสียงดัง เพื่อไม่ให้ผีเข้าใกล้ นี่เลยเป็นที่มาของเทศกาลนี้ มาจนถึงทุกวันนี้

 

 

---

 

แล้วทำไมต้องเป็น ฟักทอง?🎃 

ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดีว่าวันฮาโลวีน จะต้องมี “ฟักทอง” ที่แกะสลักเป็นหน้าผี แล้วจุดเทียนข้างใน ซึ่งเราจะเรียกว่า “ตะเกียงฟักทอง” หรืออีกชื่อก็คือ “แจ็ค โอแลนเทิร์น” (Jack O’Lanterns) ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันมาจากตำนานเรื่องเล่าในอดีต ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็หยิบฟักทองมาทำเฉย ๆ นะ

 

ตำนานนี้ มาจากฝั่งยุโรปของชาวไอริช ซึ่งเรื่องเล่าก็มีอยู่ว่า ชายชาวนาชื่อ ‘แจ็ค’ ได้ไปเผชิญหน้ากับซาตาน แต่เค้าก็หาวิธีหลอกล่อซาตานให้ติดหลุมพรางตัวเองได้ แล้วสุดท้ายแจ็คก็ยอมปล่อยซาตานไป! แต่มีข้อแม้ว่า..ถ้าเค้าตายไป ห้ามเอาวิญญาณเค้าลงนรก หลังจากนั้นพอแจ็คสู่ขิตจริง ๆ จะไปขึ้นสวรรค์ก็ไม่ได้เพราะเค้าก็ไม่ใช่คนดีอะไร แถมจะลงนรกก็ไม่ได้อีกเพราะซาตานรับปากไว้แล้ว ก็เลยกลายเป็นผีเร่ร่อน แต่โชคยังดี ที่ซาตานยังให้ดวงไฟนำทางมาด้วย แจ็คก็เลยเอา “หัวผักกาด” มาใส่ดวงไฟเพื่อใช้นำทางจากความมืดนั่นเอง และจากตำนานก็ได้กลายมาเป็นความเชื่อของฝั่งยุโรป พอถึงวันที่ 31 ต.ค. ทีไร ก็จะนำหัวผักกาดมาแกะสลัก แล้วใส่เทียนไว้ในนั้น เพื่อเป็นการขับไล่วิญญาณผีร้ายต่าง ๆ

 

เปลี่ยนจากหัวผักกาดมาเป็นฟักทองได้ไง? 🤔

พอชาวไอริชอพยพไปอยู่โซนอเมริกา พร้อมกับนำเอาเทศกาลนี้ไปเผยแพร่ถึงที่นู่นด้วย...แต่เนื่องจากที่อเมริกามีฟักทองเยอะมาก! และหาง่ายกว่าผักกาดเยอะเลย แถมยังแกะสลักง่ายกว่าด้วย นี่เลยเป็นที่มาว่า ทำไมจากตะเกียงหัวผักกาดถึงเปลี่ยนมาเป็นฟักทอง และกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาลนี้ไปโดยปริยาย

 

---

 

✨ ถึงแม้ว่า “เทศกาลวันฮาโลวีน” กับ “ตะเกียงฟักทอง” จะเป็นตำนานที่ดูน่ากลัวอยู่...แต่ทุกวันนี้ ฮาโลวีน กลายเป็นงานเทศกาลแนวปาร์ตี้ เลี้ยงฉลองกันซะมากกว่า ไม่ได้ดูหม่นหมองหรือน่ากลัวอะไรเบอร์นั้น แล้วทั่วโลกจะอินกับเทศกาลนี้มาก ๆ พากันออกมาแต่งตัวแต่งหน้าเป็นผี หรือแต่งตัวแฟนตาซีกันแบบจัดเต็ม!

 

 

แล้วเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ก็คือกิจกรรม “Trick or Treat” ซึ่งเป็นกิจกรรมของเด็ก ๆ (เฉพาะฝั่งยุโรปและอเมริกาเท่านั้นนะ ฝั่งเอเชียไม่มีกิจกรรมนี้) ที่จะไปเคาะประตูหน้าบ้าน แล้วถามว่า Trick or Treat แปลว่า จะหลอก หรือ จะเลี้ยงหนม เลือกมาซะดี ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ใหญ่เค้าก็จะตอบ Treat กันแหละ เพื่อจะได้ให้ขนม หรือลูกอมที่เป็นของโปรดเด็ก ๆ ทำให้เทศกาลนี้ดูน่ารัก และทำให้ทุกวัยก็ยังมีส่วนร่วมได้ด้วย...ไหนวันนี้ใครไปฉลองที่ไหนบ้าง ยังไงก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยน้า :)

---

👉🏻 อ้างอิงข้อมูล : https://ppro.pro/3s3bXfC , https://ppro.pro/3FEp5e1 , https://ppro.pro/46RkaSW , https://ppro.pro/3FDFM9x