ระวังไว้! 'โรคเอ็มเอส' โรคใหม่วัยทำงาน

นั่งทำงานเฉยๆ ก็เสี่ยงเป็นโรคเอ็มเอสได้
แต่มันคือโรคอะไรกันนะ?

---

ใครจะคิดว่าการนั่งทำงานธรรมดาก็ป่วยได้ เพราะไม่ใช่แค่เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมอีกต่อไป แต่โรคใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ในชื่อว่าโรคเอ็มเอส (Multiple Sclerosis) ที่เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาทในสมองและไขสันหลัง โดยยังไม่มีสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัดเท่าไหร่แต่อาจจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะมาจากพันธุกรรม, เชื้อไวรัสบางชนิดหรือความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ซึ่งส่วนมากจะพบในช่วงวัยทำงานอายุ 20-40 ปีและมักจะเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

โรคเอ็มเอสอาการเป็นยังไง

มาลองสังเกตสุขภาพตัวเองกันหน่อย ว่าเรามีหนึ่งในอาการเหล่านี้หรือไม่

• กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง
• เริ่มมองไม่เห็น มีภาพซ้อนหรือสีเพี้ยน
• ปัญหาด้านการออกเสียง สะอึก
• ปัญหากับการกลืนอาหาร
• ปัญหาเกี่ยวกับการเดิน ขากระตุก ทรงตัวผิดปกติ
• มีปัญหาเรื่องความจำ อารมณ์ ความคิด
• อาการชา ปวดแสบร้อนคล้ายไฟช็อต
• ปัสสาวะไม่ออก หรือควบคุมการขับถ่ายผิดปกติ

หากใครพบอาการแบบนี้ ควรรีบไปพบแพทย์และทำการวินิจฉัยต่อไปนะคะ อย่าปล่อยทิ้งไว้นะ!

---

รักษาให้หายได้มั้ย

ต้องบอกก่อนว่า ด้วยความที่สาเหตุของโรคยังไม่แน่ชัดเลยทำให้ยังไม่มีการรักษาแบบหายขาด แต่สามารถชะลออาการและควบคุมความรุนแรงได้ แบ่งการรักษาเป็น 2 แบบหลักๆ คือ 

• รักษาตามอาการ ที่จะเน้นเป็นยาบรรเทาอาการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ รวมไปถึงยากลุ่มอื่นๆ ทั้งยาฉีดหรือยาให้เข้าเส้น
• การกายภาพบำบัด ที่จะเน้นการยืดเส้นและออกกำลังกายไม่หนักมากเป็นหลัก เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น

---

ป้องกันไว้ก่อนจะสายเกินไป

แม้จะยังรักษาไม่หายขาดแต่เราก็หันมาดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อไม่ให้เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้ สามารถทำได้ทั้ง

• งดสูบบุหรี่
• ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงความเครียดและควรพักผ่อนให้เพียงพอ
• เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์หรือกากใยสูง

---

🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈

• โรคเอ็มเอสสามารถเกิดได้กับทุกคน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีอาการแตกต่างกันไป อาจจะมีแค่บางอาการหรืออาจจะไม่แสดงอาการอะไรเลยก็ได้
• บางคนอาจจะต้องตรวจร่างกายเพิ่มเติม เช่น ตรวจ MRI, ตรวจการนำกระแสประสาท หรือตรวจน้ำไขสันหลัง
• หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างการสูบบุหรี่ก็จะดีต่อร่างกายมากขึ้นจ้า 

-- ขอบคุณข้อมูลจาก thaipbs bumrungrad และ bangkokhospital --