Apple (จำใจ) หันมาใช้ USB-C กับ iPhone 15 เพราะอะไร? เปลี่ยนแล้วดียังไงบ้าง?

avatar writer
โดย : Xyanyde
avatar writer10 ต.ค. 2566 avatar writer830
Apple (จำใจ) หันมาใช้ USB-C กับ iPhone 15 เพราะอะไร? เปลี่ยนแล้วดียังไงบ้าง?

 

iPhone 15 Series ที่เปิดตัวไปทั้งหมด 4 รุ่น เรียกว่าเป็น iPhone ซีรีส์แรกของค่าย Apple เลย ที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C หลังจากที่ Apple ใช้พอร์ต Lightning มาแบบยาว ๆ กว่า 11 ปี เข้าไปแล้ว...แต่รู้มั้ยว่า จริง ๆ แล้วที่ Apple ทำแบบนี้เพราะสถานการณ์มันบังคับต่างหาก ไม่งั้นก็ยังคงใช้พอร์ต Lightning กันไปอีกยาว ๆ เลยล่ะ...ว่าแต่ Apple ทำแบบนี้ไปเพราะอะไรหว่า?

 


iPhone ใช้พอร์ต Lightning มาเป็นสิบปี

 

แฟน ๆ Apple ที่ใช้ iPhone กันมาหลายรุ่นแล้ว จำได้มั้ยว่า iPhone รุ่นแรกที่ได้ใช้พอร์ต Lightning คือรุ่นไหน...เฉลย มันคือ iPhone 5 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2012 นั่นเอง และพอร์ตดังกล่าวก็อยู่คู่กับ iPhone มาเรื่อย ๆ จนสุดทางที่ iPhone 14 Series รวมแล้วก็เป็นเวลายาววววถึง 11 ปีเลย กว่าจะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ในซีรีส์ล่าสุด

 

 

LightningLightning Connector เทคโนโลยีอายุ 11 ปี


 

จำใจใช้ USB-C เพราะกฎหมายบังคับ

 

การที่ Apple เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ใน iPhone 15 Series ก็ไม่ใช่ว่าทางบริษัทอยากเปลี่ยนเพื่อให้ทันยุคทันสมัยหรือให้เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้หรอกนะครับ แต่เป็นการ "จำใจเปลี่ยน" ต่างหาก เพราะตั้งแต่ 2565 ทาง EU หรือ สหภาพยุโรปได้ยื่นเสนอข้อกฎหมายให้สายชาร์จมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาที่จะวางขายในสหภาพยุโรปต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันและสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมด ซึ่งก็คือพอร์ต USB-C นั่นเอง และจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป

 

สำหรับเหตุผลที่ทาง EU ยื่นกฎหมายดังกล่าวก็เนื่องจากต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงไป เพราะหากว่ายังมัวมาแบ่งสายชาร์จ USB-C อันนึง Lightning อันนึง ผู้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะต้องซื้อสายชาร์จติดตัวไว้ 2 เส้น เส้นนึงสำหรับ iPhone และอีกเส้นสำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่หันมาใช้ USB-C กันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง, เมาส์, คีย์บอร์ด, ลำโพง ฯลฯ 

 

USB-C

 

แน่นอนว่า Apple ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหมายนี้ก็ได้ แต่หากยังคงดึงดันใช้พอร์ต Lightning อยู่ Apple ก็จะไม่สามารถเอา iPhone 15 Series เข้ามาขายในโซนยุโรป และรายได้ก็จะหายไปแบบมหาศาลเลย เนื่องจากโซนยุโรปเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของ Apple นั่นเอง (ยุโรปมีตั้งกี่ประเทศคิดดู...)

 


 

Apple อยากใช้ Lightning ต่อ เพราะมีรายได้จากค่าสิทธิบัตร

 

และสาเหตุที่ Apple ดึงดันอยากใช้พอร์ต Lightning ของตัวเองต่อไป (หากไม่โดนกฎหมายบังคับ) ก็เพราะว่า ถ้าบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมต้องการผลิตของสำหรับใช้กับ iPhone ที่ต้องเสียบผ่านพอร์ต Lightning อย่างเช่นสายชาร์จ, USB Hub, สายต่อจอ ฯลฯ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับ Apple เป็นรายชิ้น เพื่อให้อุปกรณ์เสริมชิ้นนั้นได้การรับรอง MFi (Made for iPhone | iPad | iPod | Apple Watch) เพราะเทคโนโลยี Lightning เป็นมาตรฐานของทาง Apple เอง เค้าก็เลยมีสิทธิ์มาเก็บค่าสิทธิบัตรตรงนี้ได้

 

 

แต่สำหรับพอร์ต USB-C เป็นมาตรฐานสากลที่ Apple ไม่ใช่คนคิดค้นขึ้นมา ก็เลยไม่มีสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าอะไรตรงนี้เลย ก็เท่ากับว่า Apple เสียรายได้ตรงส่วนนี้ไปอีกเพียบ ถึงได้พยายามจะดึงดันใช้ Lightning มาเรื่อย ๆ เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว จนกระทั่งโดน EU ลงดาบเอาคราวนี้แหละ

 


ข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C

การเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทนพอร์ต Lightning ไม่ใช่แค่จะทำให้ iPhone 15 Series สามารถใช้สายชาร์จร่วมกับมือถือ Android และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้เท่านั้นนะ แต่เทคโนโลยี USB-C ยังมีข้อดีและความล้ำอื่น ๆ ที่เหนือกว่าพอร์ต Lightning อีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็น...

 

  • ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลที่สูงกว่ามาก : เทคโนโลยี USB-C มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุดถึง 40Gbps ในขณะที่ Lightning รองรับสูงสุดแค่ 480Mbps เท่านั้น เรียกว่าต่างกันเป็นสิบเท่าเลย ตรงนี้ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นผลเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ถ่ายรูป+วิดีโอด้วย iPhone มาใช้ทำงาน จะเห็นประโยชน์ตรงนี้สุด ๆ 

  • รองรับระบบชาร์จไวที่ไวกว่า : เทคโนโลยี USB-C รองรับพลังไฟในการชาร์จเป็น 100 ถึง 200+W เห็นได้จากมือถือ Android เดี๋ยวนี้รองรับการชาร์จไวตั้งแต่หลักหลายสิบไปจนถึงหลักร้อยวัตต์จนสามารถชาร์จเต็มได้ภายในไม่ถึง ชม. แล้ว แต่ iPhone ที่ใช้ Lighting ยังรองรับการชาร์จแค่ระดับ 20-30W เท่านั้นแม้ว่า iPhone 15 Series จะยังไม่ได้ชาร์จเร็วขนาดมือถือ Android แต่ไม่แน่ว่ารุ่นต่อ ๆ ไป อาจจะเริ่มใส่เทคโนโลยีชาร์จไวกว่าเดิมเข้ามาก็ได้

  • รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่า : สาเหตุหลักที่ EU ต้องออกกฎหมายมาบังคับ Apple ก็คือเรื่องนี้นั่นแหละ ผู้ใช้งานทั่วไปจะได้ไม่ต้องมีทั้งสาย USB-C และสาย Lightning เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้ยุ่งยาก แถมยังไม่ต้องซื้อสายเพิ่ม ให้เกิดเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วย (แต่ในช่วงแรก ๆ คงเลี่ยงไม่ได้ เพราะหลังจากนี้สาย Lightning ก็จะต้องกลายเป็นขยะไปอยู่ดี)

USB-C


 

iPhone 15 ทุกรุ่นใช้สาย USB-C ร่วมกับ Android ได้ ไม่มีปัญหา

 

ตอนที่ iPhone 15 Series วางขายแรก ๆ เคยมีข่าวว่าร้านในจีนติดป้ายเตือนว่าอย่าใช้สายชาร์จ USB-C ของมือถือ Android กับ iPhone 15 เพราะอาจมีปัญหาเรื่องความร้อน ซึ่งหลาย ๆ คนก็ให้ความเห็นว่าร้านแค่ต้องการขายสายชาร์จแท้ของ Apple ที่มีราคาแพงมากกว่า ถึงออกมาเตือนมั่ว ๆ แบบนี้ เพราะทาง Apple เองก็ไม่ได้มีการประกาศถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะครับ แค่ใช้สาย USB-C ที่ได้มาตรฐานก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

 


ที่มา : BBC, TheVerge, AppleInsider

  • avatar writer
    โดย Xyanyde
    เรื่องเทคโนโลยี หรืออะไรที่มันล้ำ ๆ ขอให้บอกเท้อออ
แสดงความคิดเห็น