Apple Event 2025 รอบนี้เปิดตัวอะไรบ้าง ขายจริงวันไหน มาดูกันเลย
โดย : Ying

💬 งาน Apple Event 2025 ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อคืน ถึงจะได้ยินข่าวลือกันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนต้องฮือฮากับอะไรใหม่ ๆ ที่ Apple ปล่อยออกมา ทั้ง iPhone, AirPods และ Apple Watch ก็ต้องยอมรับว่าบางอย่างนี่ก็ทำเอาอึ้งอยู่นะ ฟีเจอร์เอย สีเอย ตัวเครื่องเอย เดี๋ยวเรามาไล่ดูกันทีละอย่างเลยดีกว่า
iPhone Air
- ตัวเครื่อง
เริ่มที่รุ่นไฮไลท์ของงานกันเลย ทันทีที่ได้เห็นก็ร้องอ๋อทันทีว่าทำไมถึงใช้ชื่อนี้ เพราะเค้ามากับความบางแค่ 5.6 มม. หน้าจอมีขนาด 6.5 นิ้ว น้ำหนักแค่ 165 กรัม กรอบเครื่องทำมาจากไทเทเนียม แล้วยังมี Ceramic Shield ที่ช่วยป้องกันตัวเครื่องได้มากขึ้นด้วย รุ่นไฮไลท์เค้าปล่อยออกมา 4 สีคือ สกายบลู, ทองอ่อน, ขาวปุยเมฆ, ดำสเปซแบล็ค ส่วนสเปกอื่น ๆ ก็มีตามนี้เลย
- กล้อง
กล้องหน้า 18MP มีฟีเจอร์ Center Stage ขยายเฟรมให้เก็บภาพเซลฟี่ได้หลายคนขึ้น และยังมาพร้อมกล้องหน้าที่ปรับเป็นภาพแนวนอนได้ แม้จะถือเครื่องแบบแนวตั้งอยู่ส่วนกล้องหลักแบบ Fusion ความละเอียด 48MP ที่มีเลนส์ซูมออปติคัล 2x ความละเอียด 12MP ในตัว ถ่ายวีดีโอคมชัดด้วย Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps ที่สำคัญคือรุ่นนี้ถ่ายวีดีโอกล้องหน้าและหลังได้พร้อมกันเลย
- แบตเตอรี่และชิป
รุ่นนี้มาพร้อมชิป A19 Pro CPU 6-Core ใช้งานลื่นไหล แล้วยังเล่นเกมที่เน้นกราฟิกหนักๆ ได้ ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช่ย่อย เค้าเคลมว่าใช้งานได้เลยทั้งวัน เล่นวิดีโอนานสูงสุด 27 ชั่วโมง ชาร์จ 50% ใน 30 นาที อ่อรุ่นนี้เค้ารองรับเฉพาะ eSIM นะ
- ราคา
- ความจุ 256GB เริ่ม 39,900.-
- ความจุ 512GB เริ่ม 47,900.-
- ความจุ 1 TB เริ่ม 55,900.-
iPhone 17
- ตัวเครื่อง
น้องรุ่นนี้มากับจอขนาด 6.3 นิ้ว มาพร้อมกับหน้าจอ ProMotion รีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ขอบจอบางลง น้ำหนักเครื่องจะอยู่ที่ 177 กรัม แล้วเค้ายังปรับให้หน้าจอสว่างขึ้น แล้วทนรอยขีดข่วนขึ้นถึง 3 เท่าด้วย Ceramic Shield 2 รุ่นนี้จะมีทั้งหมด 5 สีคือ ลาเวนเดอร์, เขียว, ฟ้าหมอก, ขาว, ดำ
- กล้อง
ฝั่งกล้องหลักจะเป็น Fusion Camera 48 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์ Telephoto 2x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบออปติคัลในตัว ส่วนกล้องหน้าความละเอียดจะอยู่ที่ 18 ล้านพิเซล มี Center Stage ขยายเฟรมให้เก็บภาพเซลฟี่ได้หลายคนขึ้น และยังมาพร้อมกล้องหน้าที่ปรับเป็นภาพแนวนอนได้ แม้จะถือเครื่องแบบแนวตั้งอยู่ส่วนกล้องหลักแบบ Fusion ความละเอียด 48MP ที่มีเลนส์ซูมออปติคัล 2x ความละเอียด 12MP ในตัว ถ่ายวีดีโอคมชัดด้วย Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps ที่สำคัญคือรุ่นนี้ถ่ายวีดีโอกล้องหน้าและหลังได้พร้อมกันเลย
- แบตเตอรี่และชิป
iPhone 17 จะใช้ชิป A19 รองรับApple Intelligence เล่นเกมระดับ AAA ได้ดีขึ้น แบตเตอรี่ชาร์จเร็ว 50% ใน 20 นาที Apple เคลมไว้ว่า “ชาร์จแค่ 10 นาที ก็เล่นวิดีโอได้นานกว่า 8 ชม. แล้วยังประหยัดพลังงานขึ้นด้วย”
- ราคา
- ความจุ 256GB เริ่ม 29,900.-
- ความจุ 512GB เริ่ม 37,900.-
iPhone 17 Pro / Pro Max
- ตัวเครื่อง
มาถึงตัวท็อปของ iPhone รุ่นนี้เค้าตัวเครื่องจะเป็นเป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด แล้วยังเป็นรุ่นที่ดีไซน์มาแบบไม่มีรอยต่อเลยด้วย หน้าจอเป็น Super Retina XDR ตัว 17 Pro ขนาด 6.3 นิ้ว ส่วน 17 Pro Max 6.9 นิ้ว กระจกหลังก็เป็น Ceramic Shield ส่วนด้านหน้าเป็น Ceramic Shield 2 แต่เอาตรง ๆ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากกว่าความแรงของชิป ก็คงเป็นสีเครื่องนี่แหละ รุ่นนี้เค้าออกมา 3 สีคือ เงิน, น้ำเงินเข้ม และส้มคอสมิก ที่บางคนเรียกสีจีวร ไม่ก็สีชาไทย
- กล้อง
รุ่นท็อปเค้ามากับกล้องหน้า 18 MP มี Center Stage กล้องหลังจัดเต็มมา 3 ตัว เป็น Fusion 48 MP ทุกตัวด้วย กล้อง Telephoto ซูมออปติคัลได้ถึง 8 เท่า ซูม Digital ได้ 40 เท่า ส่วนฝั่งวีดีโอรุ่นนี้เค้ามาพร้อม ProRes RAW ที่ช่วยควบคุมคุณภาพของภาพ แล้วยังมี Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 120 fps ที่จะให้ภาพละเอียดสุดไปเลย
- แบตเตอรี่และชิป
เป็นรุ่นที่แบตเตอรี่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ชาร์จเร็ว 50% ใน 20 นาที ตัว 17 Pro Max นี่เค้าเคลมว่าเล่นวิดีโอนานสุดถึง 37 ชั่วโมงเลยนะ แล้วที่น่าสนใจคือเค้ามีตัวจัดการความร้อนด้วยไอน้ำ Vapor chamber มาด้วย ส่วนชิปที่ใช้ก็จะเป็น A19 Pro - CPU 6-Core เหมือนรุ่น Air จะเล่นเกมที่เน้นกราฟิกหนัก ๆ ก็ไม่หวั่น แล้วรุ่นนี้เค้ารับได้ทั้ง eSIM และ SIM Card เลยนะ
- ราคา iPhone 17 Pro
- ความจุ 256GB เริ่ม 43,900.-
- ความจุ 512GB เริ่ม 51,900.-
- ความจุ 1 TB เริ่ม 59,900.- - ราคา iPhone 17 Pro Max
- ความจุ 256GB เริ่ม 48,900.-
- ความจุ 512GB เริ่ม 56,900.-
- ความจุ 1 TB เริ่ม 64,900.-
- ความจุ 2 TB เริ่ม 80,900.-
Apple Watch SE 3
มาต่อกันที่ Apple Watch SE 3 รอบนี้เป็น Always-on Display แล้วนะ คือหน้าจอจะแสดงเวลาอยู่ตลอด รุ่นนี้มากับชิป S10 มีลำโพงในตัว ติดตามการนอนได้ ตรวจจับการล้มและตรวจจับว่ารถชนได้ เช็กรอบประจำเดือนและการตกไข่ได้ แบตก็จัดให้ 18 ชม. แถมชาร์จเร็วขึ้น 2 เท่า ส่วนความทนทานก็มีทั้ง กันน้ำที่ระดับ 50 ม. สำหรับว่ายสระ ว่ายทะเล (ไม่แนะนำให้ใช้ดำน้ำนะ) หน้าจอ Ion-X ทนการแตกร้าวได้มากขึ้นถึง 4 เท่า รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สีคือ มิดไนท์, สตาร์ไลท์
- ราคาเริ่มต้นที่ 8,500.-
Apple Watch Series 11
มาต่อกันที่ Apple Watch Series 11 รุ่นนี้จะต่างจาก Apple Watch SE ตรงตัวแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานถึง 24 ชม. ชาร์จเร็วแค่ 15 นาที ก็ใช้งานได้นานถึง 8 ชม. เป็นรุ่นที่บางที่สุดของตระกูล ถ้าเป็นรุ่น Cellular จะใช้ชิปโมเดม 5G ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น รุ่นนี้มีเซ็นเซอร์วัดหัวใจให้ 2 ตัว เพิ่มความแม่นยำ ทนน้ำและฝุ่นตามมาตฐาน WR 50M8 และ IP6X ทำให้ใส่ลงสระและทะเลได้ลึกถึง 6 ม. รุ่นนี้มีให้เลือก 2 ตัวเรือนคือ
- ตัวเรือนอะลูมิเนียม มีสี เทาสเปซเกรย์, เงิน, โรสโกลด์, ดำเจ็ทแบล็ค เริ่ม 14,900.-
- ตัวเรือนไทเทเนียม มีสี ธรรมชาติ, ทอง, เทาสเลท เริ่ม 25,900.-
Apple Watch Ultra 3
มาถึงรุ่นท็อปแล้ว ตัวเรือนเป็นไทเทเนียม หน้าจอทำมาจากแซฟไฟร์ รองรับ Always-onDisplay ขนาดจอใหญ่ขึ้น แต่ขอบบางลง เป็นจอแบบ OLED LTPO 3 ที่ให้ความสว่างมากขึ่้นแต่ประหยัดพลังงานนะ ถ้าใช้งานปกติแบตเตอรี่จะใช้งานสูงสุด 42 ชม. แล้วยังรับสาย/โทรออก ดาวน์โหลดเพลงหรือพ็อดคาสท์ได้ด้วย 5G ไปอีก Ultra 3 ได้รับรองมาตรฐาน WR100 ใส่ดำน้ำสกูบาได้ลึกถึง 40 ม. ทนฝุ่นที่ระดับ IP6X อีกด้วย ฟังก์ชันด้านสุขภาพก็จัดเต็ม แถมเวลาฉุกเฉินจะโทรและส่งข้อความผ่านดาวเทียมได้อีกนะ รุ่นนี้ตัวเรือนจะมี 2 สีคือ ธรรมชาติ, ดำ
- ราคาเริ่มต้นที่ 29,900.-
AirPods Pro 3
รอบนี้คือเจ๋งพอตัวเลยนะ Apple เค้าอัดมาให้ทั้ง การตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้น 2 เท่าจากรุ่นก่อน ตรงนี้ถูกใจสาย introvert สุด แถมคราวนี้ยังตรวจจับการเต้นของหัวใจผ่านเซ็นเซอร์ที่มากับหูฟังได้ด้วย ชาร์จเต็ม 1 ครั้งใช้ไปเลย 8 ชม. (เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน) เป็น AirPods รุ่นแรกที่ผ่านการรับรอง IP57 คือออกกำลังกายมาเหงื่อชุ่ม ๆ ก็รอด
แล้วอีก 1 ไฮไลท์ที่ต้องมาลุ้นกันว่าจะเข้าไทยไหมก็คือ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ แค่ใส่ในขณะที่อีกคนพูด AirPods Pro 3 ก็จะแปลเป็นภาษาใส่หูเรามาเลย ส่วนใครที่เคยหงุดหงิดกับขนาดที่ไม่พอดี รอบนี้เค้าก็จัดจุกหูฟังมาให้เลยถึง 5 ขนาด ถือว่าเริ่ดนะ
- ราคาเริ่มต้นที่ 8,490.-
เป็นไงกันบ้าง จากที่เปิดตัวมาทั้งหมดมีใครเล็งรุ่นไหนไว้บ้างไหม ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็เตรียมตัวกันได้เลย เค้าจะเปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 68 จะวางขายจริงวันที่ 19 ก.ย. 68 นะ แต่สำหรับใครที่รอ iOS 26 อยู่ก็เคลียเมมรอเลย Apple จะเปิดให้กดอัปเดตวันที่ 16 ก.ย. นะ
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ