Just a human ? เรื่องราวของ Freediver สายแข่ง และชนเผ่าที่ดำน้ำอึดกว่า 13 นาที !
โดย : Ying

ONE BREATH
หนึ่งลมหายใจของแต่ละคน "ไม่เท่ากัน"
อย่างที่เราทราบกันดีว่า เวลาที่เราจะ Freedive แต่ละครั้ง เราจะต้องมีการ เก็บอากาศเข้าร่างกายได้แค่เพียง 1 ครั้ง หรือที่เรียกกันว่า One Breath ซึ่งมนุษย์เราแต่ละคนก็จะมี One Breath ที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะมี One Breath ได้ 1.30 นาที หรือบางคนอาจจะทำได้นานกว่านั้น อย่างเช่น Mifsud Stéphane ที่ได้ทำสถิติ Static Apnea หรือการกลั้นหายใจนิ่งๆ บนผิวน้ำได้นานถึง 11.35 นาที (อ้างอิงจากสถิติของ AIDA ในปี 2009 )
ซึ่งถ้าให้เรากลั้นหายใจในลักษณะลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเฉยๆ ไม่ต้องขยับร่างกายอะไรมาก เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอกลั้นหายใจได้นานกันอยู่ แต่พอจะต้องมีการขยับร่างกาย รวมไปถึงการตีขาร่วมด้วยแล้ว มันจะยิ่งทำให้ร่างกายของเราใช้พลังงานมากกว่าเดิม จนทำให้เรากลั้นหายใจได้แค่เพียงแป๊บเดียว ก็ถึงขีดจำกัดของร่างกายกันแล้ว
แต่ทุกคนเชื่อไหม? ว่ายังมีกลุ่มคนธรรมดา ไม่ใช่สายแข่งขัน หรือผ่านการฝึกฝนในสถาบันสอนดำน้ำใดๆ สามารถกลั้นหายใจไปพร้อมกับการทำกิจกรรมอื่นๆ ได้นานกว่า 10 นาที ซึ่งบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขากัน!
ชาวบาจาวขณะดำน้ำหาปลา ภาพจากรายการ : คนเบิกทาง
Sama-Bajau ชนเผ่าเร่ร่อนในทะเล
กับความสามารถในการดำน้ำ ที่เป็นมรดก "จากรุ่นสู่รุ่น"
Sama-Bajau (ซามา-บาจาว) ชนเผ่าเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งของประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยกิจวัตรประจำวันหลักๆ ของพวกเขาคือการดำน้ำจับสัตว์ทะเลหาเลี้ยงชีพ หรือจะนำไปขาย หารายได้มาเลี้ยงครอบครัว โดยชนเผ่าบาจาวในปัจจุบันมีประชากรอยู่ประมาณ 1.1 ล้านคน อาศัยอยู่กันในลักษณะที่กระจายตัวกันออกไป ด้วยความที่วิถีชีวิตของพวกเขาผูกพันกับทะเลมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เลยทำให้ในปัจจุบันพวกเขาส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่กันตามท้องทะเล รวมถึงหมู่เกาะของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันอยู่
ชาวซามา บาจาวส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตกว่า 60% อยู่กับท้องทะเล พวกเขาจะขึ้นมาบนฝั่งก็ต่อเมื่อต้องการหาไม้ไปสร้างบ้าน ทำเรือ ทำอาวุธ รวมไปถึงการทำพิธีศพ ความสามารถพิเศษของชาวบาจาวคือการดำน้ำหาปลา จับสัตว์ทะเล ชีวิตในหนึ่งวันของพวกเขามากกว่าครึ่งจะอยู่แต่ในน้ำ ว่ากันว่าเด็กๆ ชาวบาจาวจะหัดว่ายน้ำไปพร้อมๆ กับการหัดเดิน และด้วยความที่ใช้ชีวิตอยู่กับท้องทะเลมาโดยตลอด เลยทำให้ชาวบาจาวบางคน สามารถดำน้ำได้นานถึง 13 นาที ในระดับความลึกกว่า 70 เมตรเลยทีเดียว!
บ้านของชาวบาจาว และเด็กๆ ชาวบาจาวที่กำลังว่ายน้ำเล่นไล่จับกับเต่า ภาพจากสารคดี ความลับแห่งเอเชีย
สำหรับชาวบาจาวแล้ว การดำน้ำลึกอาจจะฝังอยู่ใน DNA ของพวกเขาเลยก็ว่าได้ อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell ปี 2018 พบว่า ชาวบาจาวมีม้ามใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งม้ามนั้นเป็นอวัยวะที่ช่วยขจัดเซลล์เม็ดเลือดเก่า รวมทั้งกักเก็บเซลล์เม็ดเลือดแดงที่อิ่มด้วยออกซิเจนเอาไว้ ทำให้ม้ามนั้นเป็นเสมือน ถังเก็บอากาศ ตัวช่วยหายใจของนักประดาน้ำเลยก็ว่าได้
ภาพเปรียบเทียบขนาดม้ามของชาวบาจาว ภาพจากงานวิจัยในวารสาร Cell
นอกจากนี้ ดร.เมลิสซา อิลาร์โด ผู้นำคณะวิจัยดังกล่าว ยังเสริมข้อมูลที่น่าสนใจให้อีกด้วยว่า
" การที่ชาวบาจาวมีม้ามขนาดใหญ่ ไม่ได้เกิดจากการฝึกดำน้ำทุกวันตั้งแต่เด็ก
แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในยีนกลายพันธุ์ "
ซึ่งเป็นผลของกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ตลอดช่วงเวลากว่า 15,000 ปีเป็นอย่างต่ำ อีกทั้งยังมีผลการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของชาวบาจาวอีกด้วยว่า มีการกลายพันธุ์ในยีนหลายตำแหน่ง ซึ่งสามารถพบได้ในประชากรชาวบาจาวจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยีน PDE10A ซึ่งควบคุมการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ที่เป็นตัวการกำหนดขนาดของม้ามนั่นเอง
ชาวบาจาวจะออกหาปลาด้วยวิธีการดั้งเดิม ซึ่งเป็นการประมงที่ไม่ทำลายระบบนิเวศของทะเล ภาพจาก BBC
การดำน้ำได้นานและลึกของชาวบาจาวนั้นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งต่อชาวโลกเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาไม่ได้มีอุปกรณ์ที่ดีเลิศ ไม่ได้มี Fin จากแบรนด์ดังมาช่วยทุ่นแรง ความสามารถของพวกเขาเป็นไปเพื่อการหาเลี้ยงปากและท้อง การที่พวกเขามีม้ามที่ใหญ่กว่าคนทั่วไปนั้น ในทางการแพทย์อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ แต่ด้วยชีวิตที่ต้องอยู่ในทะเลอย่างต่ำวันละ 5 ชั่วโมงนี้ การมีม้ามที่ใหญ่นั้น เป็นเหมือนของขวัญเลยนะ เพราะมันช่วยทำให้พวกเขาสามารถหาเลี้ยงปากท้องของคนทั้งครอบครัวได้
อีกทั้งยังมีการค้นพบข้อมูลอีกด้วยว่า ชาวบาจาวที่อายุมากแล้วหลายคนมีอาการหูไม่ค่อยได้ยิน ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่า พวกเขาได้ทำแก้วหูของตัวเองแตก เพื่อให้ทนต่อแรงดันอากาศเวลาที่ต้องดำน้ำลึกกันนั่นเอง
จริงอยู่ที่ว่าพวกเขามียีนส์พิเศษตกทอดกันมาทางสายเลือด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชาวบาจาวจะสามารถดำน้ำนานๆ แบบนี้ได้ตั้งแต่เด็กนะ ทุกคนล้วนผ่านการฝึกฝนกันมาแล้วทั้งนั้น เด็กๆ ชาวบาจาวมักจะเริ่มต้นที่การว่ายน้ำเล่นกับเต่า หรือเด็กบางคนก็เริ่มฝึกใช้ฉมวกยิงปลากันตั้งแต่อายุประมาณ 8 ขวบเลยก็มี ด้วยวิถีชีวิตที่ทำตัวเองให้คุ้นชินกับน้ำตั้งแต่เด็กแบบนี้ เลยทำให้พวกเขาสามารถดำน้ำได้นานและลึกกว่าคนปกติทั่วไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดำน้ำเพื่อแข่งกับใคร และก็ไม่ได้ดำน้ำเพื่อเก็บสถิติโลกด้วย
เพราะสิ่งที่พวกเขาทำ มันคือ "วิถีชีวิต" ของพวกเขานั่นเอง
รู้จัก Alexey Molchanov นักดำน้ำสายแข่ง
"แม้ไม่มียีนพิเศษ แต่เขาก็มุ่งมั่นและพยายามเป็นพิเศษ"
🏆
นอกจากชาวบาจาวที่มีความสามารถในการดำน้ำที่น่าทึ่งแล้ว เรายังมีคนอีกกลุ่มที่เรียกได้ว่า น่าทึ่งไม่แพ้กันเลย แถมพวกก็ไม่ได้มียีนพิเศษ ไม่ได้มีม้ามที่ใหญ่กว่าคนปกติ แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเต็มไปด้วยพยายามและมุ่งมั่น เพราะพวกเขาคือ นักดำน้ำสายแข่งขัน นั่นเอง
ในวงการแข่งขันดำน้ำส่วนใหญ่ ล้วนจะเต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถและน่าชื่นชมอยู่หลายคน ที่น่าชื่นชมเพราะพวกเขาต้องฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์กันอย่างหนัก ต้องฝืนกฎของธรรมชาติที่ว่า มนุษย์ไม่ใช่สัตว์น้ำ ทั้งยังมีรายงานทางวิทยาศาสตร์เคยออกมาบอกด้วยว่า มนุษย์เราไม่สามารถดำน้ำได้เกิน 30 - 40 เมตร แต่ตอนนี้มี Freediver จำนวนไม่น้อยที่สามารถดำน้ำได้เกิน 30 เมตร
และยิ่งถ้าเป็นนักดำน้ำสายแข่งขันด้วยแล้ว บอกเลยว่าสามารถทำระดับความลึกได้เป็นร้อยๆ เมตรเลยก็มี ยกตัวอย่างเช่น Alexey Molchanov คนนี้ ที่เราขอให้ชื่อเขาว่า นักแข่งขันที่มักจะทำลายสถิติของตัวเองอยู่เสมอ
Alexey Molchanov
Alexey Molchanov Freediver จากประเทศรัสเซีย เจ้าของสถิติโลกดำน้ำลึก 131 เมตร จากรายการ Vertical Blue 2021 โดยใช้เวลากลั้นหายใจจากจุด Start กลับขึ้นมาบนผิวน้ำ รวมแล้ว 4 นาที กับอีก 33 วินาที!
Alexey Molchanov เป็นลูกชายของ Natalia Molchanova อดีตแชมป์โลก Freediving โดย Alexey Molchanov มีความสนใจเรื่อง Freediving มาตั้งแต่เด็ก เขาสามารถทำลายสถิติโลก Freediving ได้กว่า 20 รายการ โดยสถิติโลกครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในปี 2008 กับการแข่งขันประเภท Dynamic Apnea (กลั้นหายใจแล้วว่ายในแนวราบ) โดยที่ตัวของเขาสามารถทำระยะได้ 250 เมตรในสระว่ายน้ำด้วยลมหายใจเดียว หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็หันมาให้ความสนใจและมุ่งมั่นกับการทำลายสถิติ Constant Weight ในทะเลมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมาเขาก็ขยันทำลายสถิติของตัวเองดังนี้
- ปี 2012 ทำลายสถิติ 126m ในรายการ Suunto Vertical Blue
- ปี 2013 ทำลายสถิติ 128m ในรายการ AIDA INDIVIDUAL DEPHT WORLD CHAMPIONSHIP
- ปี 2016 ทำลายสถิติ 129m ในรายการ Big Blue World Cup
- ปี 2018 ทำลายสถิติ 130m ในรายการ Vertical Blue
- ปี 2021 ทำลายสถิติ 131m ในรายการ Vertical Blue
สถิติเหล่านี้คือสถิติประเภท Constant Weight แบบ monofin ระดับโลกเท่านั้น จริงๆ แล้ว Alexey Molchanov ยังมีสถิติด้านอื่นๆ ทั้งจากในรัสเซีย และระดับโลกอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น
- สถิติ Static Apnea ในเวลา 8 min. 33 sec.
- สถิติ Dynamic Apnea with fins ในระยะ 258 m
- สถิติ Dynamic Apnea without fins ในระยะ 195 m
- สถิติ Constant weight with bi fins ในระยะ 118 m
- สถิติ Constant weight without fins ในระยะ 96 m
- สถิติ Free Immersion ในระยะ 126 m
Alexey Molchanov ขณะดำน้ำและกลับขึ้นมาพร้อมกับสถิติใหม่ของเขา
หลังจากทำลายสถิติของตัวเองครั้งล่าสุดสำเร็จ เขาก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางช่อง 60 Minutes ว่า
" เขาสนุก และรู้สึกมีความสุข กับการพยายามทำลายสถิติตัวเอง "
จากการฝึกซ้อมมาอย่างยาวนานทำให้เขารู้ว่า เขาจะต้องใช้ออกซิเจนอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การผ่อนคลายคือสิ่งที่สำคัญ ไม่ต้องไปคิดถึงเป้าหมาย เพราะมันจะทำให้เกิดความกังวลและเสียสมาธิ สิ่งที่แม่ของเขาสอนคือให้สนุกไปกับมัน ไม่ใช่โฟกัสที่สถิติ
Alexey Molchanov มักจะหาประสบการณ์จากการลองทำอะไรใหม่ๆ เสมอ เขาเคยดำน้ำที่ทะเลสาบไบคาลในหน้าหนาวที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง โดยเขาใช้เวลาอยู่เกือบๆ 3 นาที ในการดำน้ำลึกในระยะทางประมาณ 80 เมตร ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสถิติของเขาด้วยเช่นกัน
Alexey Molchanov กับสถิติใหม่ ประสบการณ์ใหม่ และใบประกาศใบใหม่
นอกจากประสบการณ์และสถิติอันน่าทึ่งของเขาแล้ว เรื่องของการใช้ monofin ของเขาก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน บางคนถึงขั้นขนานนามให้เขาเลยว่า King of monofin นั่นก็เป็นเพราะว่า เขามีความสามารถในการใช้ monofin ที่เป็นเลิศ มันเหมือนกับว่า monofin เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเช่นเดียวกับแขนขา นั่นยิ่งทำให้เขาสามารถดำน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
Alexey Molchanov กระโดดตีลังกาจากทะเลด้วย monofin ชมคลิป คลิก
ถ้าถามว่าคนเก่งๆ อย่าง Alexey Molchanov เคยทำพลาดบ้างไหม ? คำตอบก็คือ มี ! ครั้งหนึ่ง Alexey Molchanov เคยหมดสติขณะอยู่ในรายการการแข่งขัน เพราะฝืนลิมิตตัวเองมากเกินไป ถึงแม้เขาจะกลับมาดำน้ำต่อได้ตามปกติ แต่เขาก็ได้รับบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ก็คือ เราจะต้องรู้ลิมิตของร่างกายและจะต้องทำความรู้จักกับร่างกายของเราให้ดี
อีกทั้งยังมีเรื่องน่าเศร้า เมื่อครั้งที่ Natalia Molchanova แม่ของเขาเสียชีวิตจากการไปสอน Freediving ให้กับคู่รักชาวสเปน เมื่อปี 2015 เรื่องน่าเศร้าในตอนนั้นทำให้ทุกคนต่างพากันคิดว่า Alexey Molchanov ไม่น่าจะกลับมาดำน้ำได้อีก แต่ความจริงก็คือ ไม่เลย โดยเขาได้ให้เหตุผลว่า สำหรับเขาแล้ว การดำน้ำคือการบำบัดที่ดี
สำหรับเรื่องราวของ Freediver จากทั้ง 2 มุมนี้ทำให้เราได้รู้ว่า ร่างกายและจิตใจของคนเรา เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ถ้ามองในมุมของชาวบาจาวที่มีวิถีชีวิตกับท้องทะเลมาอย่างยาวนานนั้น มันส่งผลทำให้ร่างกายของพวกเขา เกิดการเปลี่ยนแปลงจนสามารถดำรงชีวิตอยู่กับท้องทะเลได้โดยไม่ลำบาก เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวที่ช่วยส่งผลทำให้ชาวบาจาวกับท้องทะเล แทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่ถ้าเป็นในมุมของแชมป์โลกอย่าง Alexey Molchanov ก็แสดงให้เราเห็นถึง ความสำคัญของการฝึกฝน และยิ่งเขารู้จักกับร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี ยิ่งทำให้เขารู้ว่าเขาจะสามารถบริหารออกซิเจนในร่างกายยังไง จะจัดระเบียบร่างกายยังไงไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำน้ำ อีกทั้งเขายังได้ทำตามคำแนะนำของ Natalia Molchanova ผู้เป็นแม่ ที่เคยบอกเอาไว้ว่า
" ให้สนุกไปกับมัน อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเลขเลย "
💙 อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้ที่นี่
- Scuba vs Freedive วิชาการดำน้ำฉบับมือใหม่ เลือกแบบไหนให้เข้ากับเรา ?
- 🤿 ดำน้ำตัวเปล่าใครว่ายาก ? รวมเรื่องต้องรู้ของ Freedive พร้อมการฝึกเบื้องต้น มือใหม่แค่ไหนก็ฝึกได้
- Fin ของแชมป์ ! "Molchanovs" จากประสบการณ์แข่งขันนับร้อย สู่การสร้างแบรนด์ระดับโลก !
- มัดรวม Accessories ชาว Freedive ดำน้ำทั้งที พร็อพต้องดีไว้ก่อน !
- Call me Freediver รีวิวเรียนดำน้ำ ถึงจะลึก 16 เมตร แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : earthlymission ,Cell ,BBC ,60 Minutes ,molchanovs
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨