หมัดชนหมัด ! ศึก 2 น้ำดำ " Coke Zero vs Coke Light " ต่างกันยังไง เรามีคำตอบ !

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer1 มิ.ย. 2565 avatar writer16.3 K
หมัดชนหมัด ! ศึก 2 น้ำดำ " Coke Zero vs Coke Light " ต่างกันยังไง เรามีคำตอบ !

 

ขึ้นชื่อว่าเป็นสายดื่ม ถ้าไม่รู้ บอกเลยว่าไม่ได้ !

 

ถึงแม้ว่ารสชาติแทบจะไม่ต่าง แต่ 2 น้ำดำที่เกิดมาเพื่อสายเฮลตี้ อย่าง Coke Zero กับ Coke Light เค้าก็มีความต่างกันอยู่นะเออ (ซึ่งความต่างที่ว่าไม่ใช่แค่สีของตัวกระป๋องอย่างเดียวแน่นอน) บอกเลยว่าถ้าคิดจะรักเจ้าน้ำดำอย่าง Coke 2 สูตรนี้กันแล้ว ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ถ้ารู้ไว้อาจจะทำให้เพื่อน ๆ ดูเป็นเซียนน้ำดำกันได้เหมือนกันนะคร้าบ อะ สำหรับใครที่อยากรู้คำตอบกันแล้ว มาฮะ ตามเปย์เป้ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย... 😎 

 


 

 

รีแคปให้อ่านกันสั้น ๆ

กับจุดเริ่มต้นของแบรนด์น้ำอัดลมนัมเบอร์วัน " Coke "

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์น้ำอัดลมยี่ห้อ Coke นี้ แรกเริ่มเดิมทีมันถูกวางขายอยู่ในร้านขายยากันมาก่อน เหตุผลก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะว่าผู้คิดค้นมันขึ้นมานั้น... " เป็นเภสัชกร " พอจะนำออกมาวางขายก็เลยขายในร้านขายยาของตัวเองมันซะเลย

 

ถามว่าโค้กในยุคแรกเป็นยังไง ?  แน่นอนอยู่แล้วว่ารสชาติของมันจะต้องมีความต่างจากโค้กที่เรารู้จักกันในตอนนี้ แต่สิ่งที่ไม่ต่างกัน นั่นก็คือ สถานะของการเป็นเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมรสหวาน ที่ได้ปลุกกระแสวัฒนธรรมการดื่มน้ำอัดลมเป็นครั้งแรกให้กับคนอเมริกา รวมถึงคนทั่วโลกในเวลาต่อมา (จะบอกว่าโค้กกับเป๊ปซี่เค้ามีอายุห่างกันถึง 12 ปีเชียวนะ ซึ่งพี่ใหญ่ของเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นโค้กเค้านี่แหละ 😎 ) 

 

หลังจากวางขายอยู่ในร้านขายยาได้พักใหญ่ เภสัชกรท่านนั้นก็ได้ตัดสินใจขายโค้กต่อให้กับนักธุรกิจชาวอเมริกาท่านหนึ่ง ซึ่งก็ได้กลายเป็นผู้ให้กำเนิดธุรกิจ Coke หรือบริษัท Coca-Cola อย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันนี่เอง

 

รักษ์ ปันยารชุน

รักษ์ ปันยารชุน

 

ถัดจากจุดเริ่มต้นของแบรนด์น้ำอัดลม Coke ในต่างประเทศ เรามาต่อกันที่ จุดเริ่มต้นของ Coke ในประเทศไทย กันบ้างดีกว่า หลายคนอาจจะสงสัยว่าผู้ชายด้านบนนี้คือใคร หรือว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทโค้กที่เราพูดถึงกันก่อนหน้านี้รึเปล่า ? จะบอกว่าไม่ใช่นะฮะ แต่บอกเลยว่าสำคัญไม่แพ้กันแน่นอน เพราะบุคคลท่านนี้เป็นผู้ที่ทำให้บ้านเราได้รู้จัก และมีโค้กดื่มกันในทุกวันนี้

 

เค้าคนนี้ก็คือ " รักษ์ ปันยารชุน " ผู้นำเข้าโค้กมาขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยในตอนนั้นเค้าได้เปิดโรงงานที่ไทยในชื่อ Rak Derrick & Davis Bottling ตั้งอยู่ที่ถนนหลานหลวง กรุงเทพฯ โดยโรงงานจะทำหน้าที่ผลิต บรรจุขวด ก่อนจะนำออกไปวางขาย ซึ่งโค้กในยุคแรกที่วางขายในบ้านเรานั้นมีขนาดอยู่ที่ 6.5 ออนซ์ (หรือประมาณ 192 ml.) มีราคาขายอยู่ที่ขวดละ 1 บาท

 

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ไม่ต้องเดาเราก็น่าจะรู้ว่ากระแสความนิยมของน้ำอัดลมเจ้านี้จะได้รับความนิยมจากคนกรุงเทพฯ ไปมากน้อยแค่ไหน เอาง่าย ๆ ก็คือความต้องการดันเกิดมีมากกว่ากำลังการผลิตในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนั้นทาง Rak Derrick & Davis Bottling ก็ได้มีการขยับขยายโรงงาน ก่อนจะส่งไม้ต่อกับให้บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ได้ดูแลต่อ จนได้กลายเป็นแบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมยอดฮิตและมีอิทธิพลกับคนไทยจนถึงทุกวันนี้

 


 

ทำเซียนเหมือนเรียนมา เทียบให้ดู 2 ความต่าง

ระหว่าง " Coke Zero vs. Coke Light "

 

มาถึงปัญหาโลกแตกของทาสรักน้ำดำกันต่อ 😆 สำหรับคนที่เคยดื่มมาแล้วทั้ง 2 สูตร หลายคนอาจจะแทบไม่รู้สึกถึงความต่าง (ถ้ามองในแง่ของรสชาติ) ก็คืออร่อยเหมือนกัน ให้ความสดชื่นเหมือนกัน ดื่มแล้วไม่รู้สึกผิดเท่าโค้กสูตร Original เหมือนกัน แล้วที่ต่างกันมันคืออะไร ถ้าไม่ใช่สีของกระป๋อง หรือชื่อเรียกอย่าง Zero และ Light ?

 

ก่อนอื่นเปย์เป้ขอพาทุกคนย้อนเวลาไปยังจุดกำเนิดของเจ้า Coke ทั้งสองสูตรนี้กันก่อนว่ามีความเป็นมายังไง เริ่มกันที่ Coke Light ก่อนเลย โดยเจ้า Coke Light นี้ถือว่าเป็น เครื่องดื่มตัวแรกของโค้ก  ที่มาในสูตร Sugar Free โดย Coke Light นี้ได้เปิดตัวไปในปี 1983 ก่อนที่ในอีกหลายปีต่อมาจะตามมาด้วย Coke Zero โดยเจ้า Coke Zero ก็ได้มีการปรับสูตรใหม่จนกลายเป็น Coke Zero Sugar หรือรสชาติที่เราดื่มกันในปัจจุบันนี่ล่ะ แต่ใดใดก็ตามโค้กทั้ง 2 สูตรก็มีความเหมือนกันตรงที่เป็นโค้ก Sugar Free และ Calorie Free ทั้งคู่ แต่จะต่างกันที่ตรงไหน เดี๋ยวเป้จะมาเทียบให้ดูแบบ " หมัดชนหมัด " กันเลยคร้าบบ..

 

 

👊🏻  หมัดที่ 1 : รูปลักษณ์ภายนอก

 

บอกเลยว่ารูปลักษณ์ภายนอกเป็นอะไรที่บ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่าง Coke Light และ Zero ได้ชัดเจนที่สุดแล้ว อย่างก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ ๆ จะบอกว่ากระป๋องของตัว Light กับ Zero เป็นสีแดงเหมือนกันเปี๊ยบ จะต่างกันนิดเดียวตรงที่แถบคาดด้านบนที่สูตรนึงเป็นสีดำ สูตรนึงเป็นสีเงิน (ซึ่งถามว่าทำเอาหลายคนสับสนไหม บอกเลยว่าบางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันต่างกัน 😅 )

 

แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าทางโค้กเค้าได้สลัดคราบตัวกระป๋องให้ผู้ดื่มอย่างเราสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้แบบชัดเจนมากกว่าเดิม ก็คือไลท์จะเป็นกระป๋องสีเงิน ตัวหนังสือแดง กับซีโร่ ที่เป็นกระป๋องแดง ตัวหนังสือดำ แถมยังมีกิมมิกอีกนิดหน่อยบริเวณห่วงกระป๋องด้านบน ที่ไลท์จะเป็นห่วงสีเงินเหมือนกันกับสีของกระป๋อง ส่วนซีโร่จะเป็นห่วงสีดำเท่ ๆ แบบชนิดที่ว่าเห็นแล้วก็รู้เลยว่า เอ้ย 2 สูตรนี้มันต่างกันนะ !

 


 

 

👊🏻  หมัดที่ 2 : สี และรสชาติ

 

มาต่อกันที่งานหินที่ประเมินคำตอบออกมาได้ยากที่สุดดด เพราะมันแทบไม่ต่างกันเลยในมุมของเป้ อย่างเรื่องสีนี่ข้ามไปได้เลยเพราะ เหมือนกันอย่างกะฝาแฝด 😅  ส่วนรสชาติจากที่เป้ประเมินทั้งตัวความซ่าเอย รสชาติเอย ก็อย่างที่ทุกคนเห็นกันด้านบนนี้กันเลย สรุปก็คือ...

  • โค้ก ไลท์ : มีความเบาสมชื่อ, รสชาติจาง ๆ จืด ๆ ส่วนความซ่า ความบาดคอตามสไตล์โค้กมีเล็กน้อย
  • โค้ก ซีโร่ : สัมผัสมีความกระด้างกว่า, มีความซ่า ความบาดคอแบบชัดเจน ส่วนรสชาติหวานกว่าไลท์นิดนึง (แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์หวานน้อยอยู่ดี) ถ้าให้บอกว่าตัวไหนได้ฟีลเหมือนโค้ก รสชาติดั้งเดิมที่สุด เปย์เป้ขอยกให้โค้ก ซีโร่กระป๋องนี้เลย 👍🏻 

 


 

 

👊🏻  หมัดที่ 3 : เจาะส่วนผสม

 

งานหินโผล่มาอีกหนึ่ง ! เพราะจะบอกว่าส่วนผสมข้างกระป๋องคือเหมือนกันเป๊ะ แต่จะต่างกันนิดเดียวคือตรงที่ ปริมาณโซเดียม ที่โค้ก ไลท์จะมีปริมาณโซเดียมอยู่ที่ 25 มก. ในขณะที่ทางด้านโค้ก ซีโร่มีอยู่ที่ 15 มก. แต่คราวนี้เราก็ต้องเจาะลึกลงไปอีกว่า ความแตกต่างของโค้ก ไลท์ กับโค้ก ซีโร่ นั้นอยู่ที่สีของกระป๋อง และปริมาณโซเดียมเท่านั้นเองจริง ๆ หรอ และจากข้อมูลที่เปย์เป้ได้ไปทำการค้นคว้ามาเพิ่มเติม บอกเลยว่ามีเหตุผลซัพพอร์ตหลายประเด็นมาก ตั้งแต่... 

 

  • กลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน : จริง ๆ แล้ว โค้ก ซีโร่ อาจจะถูกปล่อยออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่เป็น ผู้ชาย ส่วน โค้ก ไลท์ อาจจะถูกปล่อยออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่เป็น ผู้หญิง เพราะด้วยคำโฆษณา รวมถึงสีของบรรจุภัณฑ์สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้ในตัวเอง อย่าง ไลท์ จะตอบโจทย์กลุ่มผู้หญิงมากกว่าเพราะว่าคำว่า ไลท์ นั้นให้ความรู้สึกถึงความตัวบางร่างน้อย บวกกับสีของกระป๋องที่มีความดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงมากกว่า ดังนั้นมันเลยดูเหมือนว่าทางโค้ก จะตั้งใจปล่อย โค้ก ไลท์ ออกมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ (อ้างอิงจากโฆษณาของโค้ก เนเธอร์แลนด์ตัวนี้ในปี 2014 พบว่ามีความเป็นไปได้อยู่นะ)

 

ชมโฆษณาตัวนี้ได้ที่นี่ > คลิก

 

ส่วนทางด้าน โค้ก ซีโร่ ที่แค่เห็นบรรจุภัณฑ์เราก็สัมผัสได้ถึงความแมน ความเท่ บวกกับรสชาติที่แข็ง ๆ มีความซ่าบาดคอมากกว่าไลท์ จึงน่าจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายไหนไปไม่ได้นอกจาก ผู้ชาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นเพียงแค่ Gat เชื่อมโยงของคนบางกลุ่ม เพราะทางโค้กเองก็ไม่ได้ออกมาเคลมเครื่องดื่มของตัวเองว่าจะต้องเป็นคนกลุ่มไหนเท่านั้นที่จะสามารถดื่มได้ คือถ้าถามว่ามีผู้หญิงดื่มโค้ก ซีโร่ไหม หรือมีผู้ชายที่ดื่มโค้ก ไลท์ไหม เปย์เป้ตอบให้ได้เลยว่ามีแน่นอน 100% ฮะ

 

  • ความชอบในรสชาติที่ต่างกัน : ขีดเส้นใต้คำว่า รสชาติที่ต่างกัน 😆 ก็คืออย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าโค้ก 2 สูตรนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ แต่ก็ยังมีความขาดโค้กไปไม่ได้ แต่อย่างที่บอกว่าโค้กทั้ง 2 สูตรนี้มีความต่างกันนิดหน่อยตรงที่รสชาติ ซึ่งจะตอบโจทย์ความชอบของคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มคนที่อยากได้ความซ่าแบบโค้ก แต่ก็ไม่อยากได้ความหวานมากนัก คือเน้นดื่มให้ร่างกายสดชื่นเท่านั้นก็พอ ดังนั้น สูตรที่จะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ก็คือ โค้ก ไลท์ เพราะรสชาติเค้าจะมีความเบากว่า มีการเจือจางรสชาติให้อ่อนลงด้วยการเพิ่มปริมาณของโซเดียมเข้าไปเบลน

    ส่วนอีกกลุ่มจะเป็น กลุ่มที่มีความชอบในรสชาติดั้งเดิมของโค้ก แต่ก็ไม่ได้อยากดื่มโค้กรสชาติดั้งเดิมไปซะทีเดียว การหันมาดื่มโค้ก ซีโร่ บอกเลยว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ดีมาก เพราะด้วยรสชาติ ความซ่า และความสดชื่นที่ได้ก็คือคลับคล้ายคลับคลารสชาติของโค้ก รสดั้งเดิมมากที่สุด แถมยังสามารถดื่มได้แบบไม่รู้สึกผิดอีกด้วย

 


 

 

และจากบรรดาเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล สามารถสรุปในแบบที่รวบรัดได้ก็คือ สิ่งที่ทำให้โค้กทั้ง 2 สูตรนี้มีความแตกต่างกัน (ถ้ามองด้วยตาเปล่า) ก็คือ สีของตัวกระป๋อง ชื่อเรียก รวมถึงปริมาณโซเดียมที่ผนึกไว้อยู่ที่ด้านข้างกระป๋อง  ส่วนเหตุผลในเรื่องของรสชาติ รวมถึงการออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ชาย และผู้หญิง (ที่เราไม่ได้เห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงแต่ใช้ความรู้สึก)  เปย์เป้มองว่ามันก็สามารถมองในมุมนั้นได้เหมือนกัน 

 

แต่ขอให้รู้ไว้ว่าจุดประสงค์ของโค้กทั้ง 2 สูตรนี้ก็คือ การทำออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่รักสุขภาพ เพราะปริมาณน้ำตาล รวมถึงแคลอรี่ก็คือ 0 แต่ต่อให้ได้ชื่อว่าเป็นโค้กที่ไร้น้ำตาล และแคลอรี่ก็จริง แต่ก็ใช่ว่าถ้าทุกคนดื่มแต่โค้กโดยที่ไม่หันมาดูแลตัวเองเลยมันจะช่วยทำให้ทุกคนลดน้ำหนักกันได้นะ เพราะการจะลดน้ำหนักได้มันก็ต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ การออกกำลังกาย รวมถึงการควบคุมอาหารนะคร้าบ

 


 

💭 เปย์เป้ก็หวังว่าตอนนี้ทุกคนน่าจะรู้จักกับเจ้าโค้ก 2 สูตรนี้กันได้มากขึ้นแล้ว หลังจากนี้เวลาจะเลือกดื่ม ก็จะได้เลือกสูตร และรสชาติที่ตอบโจทย์ตัวเองได้มากที่สุด แต่ถ้าถามเป้ว่าเป้ชอบสูตรไหน เป้ขอตอบเลยว่าทางเราเป็นทีม Original ฮะ เพราะเวลาดื่มก็คือสดชื่น แถมยังบาดคอได้ใจดีมาก (ส่วนเรื่องอ้วนไม่อ้วนก็คือไม่เกี่ยง ขอแค่อร่อยถูกใจ เป้ก็ยอมถวายตัวให้ 😆) แล้วเพื่อน ๆ ล่ะฮะชอบโค้กสูตรไหนมากกว่ากัน คอมเมนต์มาพูดคุยกันหน่อยเร็ววว... 

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่

 


แหล่งข้อมูลอ้างอิง  : Cola-Colabritannica และ goodyfeed

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น
Poonnapat Xu
Poonnapat Xu
Coke Light อร่อย และไม่มียี่ห้อไหนมาแข่งเลย
ตอบกลับ | 2 ปีที่แล้ว 0