' น้ำ ' พลังแห่งธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย พร้อมเยียวยาจิตใจ

avatar writer
โดย : Ying
avatar writer18 มี.ค. 2565 avatar writer664
' น้ำ ' พลังแห่งธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย พร้อมเยียวยาจิตใจ


เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ 💚 

 

เพื่อนๆ เคยสงสัยไหม ? ทำไมเวลาทุกข์ใจต้องเอาเท้าจุ่มน้ำ จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เอาเท้าจุ่มน้ำนะ เรามักจะได้รับคำแนะนำเวลาเจอวันเหนื่อยๆ ให้ไปเปิดอุ่นๆ แล้วลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำ เวลาอกหักให้เราไปทะเล หรือที่พ่อแม่ชอบพูดว่ากลับจากทำงานเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำให้สบายตัวสบายใจก่อนสิ  คำแนะนำเหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับน้ำทั้งสิ้น แล้วน้ำมีพลังอะไร ทำไมใครๆ ก็วิ่งเข้าหาน้ำ หรือ น้ำคือยาชนิดหนึ่ง ?

 

ช่วงนี้เปย์เป้ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ FINDING SISU ของ KATJA PANTZA ในหนังสือจะมีบทที่พูดถึง การเยียวยาอาการป่วยด้วยน้ำเย็น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก โดยในหนังสือบอกไว้ว่า “ การว่ายน้ำหน้าหนาวยังเป็นการรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยวิธีธรรมชาติ ตั้งแต่ความเหนื่อยล้า ความเครียด ไปจนถึงอาการคอ และกล้ามเนื้อตึงจากการก้มหน้าก้มตาหน้าคอมพิวเตอร์ ” โดยผู้เขียนทดลองไปว่ายน้ำแทนการหายาแก้ปวดมากิน และบ่อยครั้งความเจ็บปวดก็ทุเลาลง แต่การทดลองนี้ไม่ได้เป็นการคิดขึ้นมาเองของผู้เขียนนะฮะ งานวิจัยหลายงานเลยที่บอกเล่าสรรพคุณของน้ำในทิศทางเดียวกัน

 



“ น้ำ ” กับ ความสงบของจิตใจ 
💧 💧 

 

 
อ้างอิงข้อมูลจาก Why Being Near The Ocean Can Make You Calmer And More Creative เป็นบทความจาก huffpost.com บอกเหตุผลที่น้ำช่วยเราทางด้านจิตใจไว้ดังนี้ คือ

 

น้ำช่วยให้สมองเราผ่อนคลาย

 

ในทุกๆ วัน เราทุกคนต่างต้องรับมลพิษต่างๆ เข้ามามากมาย ทั้งความเครียดจากเรื่องงาน ความหงุดหงิดจากรถติด รวมทั้งมลพิษเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดเป็นมลพิษสะสมในสมอง พอนานๆ เข้าก็ส่งผลถึงจิตใจ แต่เมื่อเราพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ น้ำ ฟังเสียงของน้ำ รับไอเย็นๆ ของน้ำ หรือง่ายสุดอาจจะเป็นการล้างมือ ล้างหน้า ด้วยน้ำเย็นๆ หน่อย จะช่วยให้สมองของเราได้ผ่อนคลายมากขึ้น 


ดังที่อาจารย์ Hannu Rintamäki บอกไว้ว่า “ การเดินไปที่ริมน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ผิวกายสัมผัสอากาศ ประสาทสัมผัสจะได้รับการกระตุ้น ระบบรับความรู้สึกของเราจะพัฒนาท่ามกลางธรรมชาติ ” 

 

น้ำช่วยให้เกิดสมาธิ

 

เคยสังเกตไหม เวลาเราลอยตัวในน้ำเราจะไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงของตนเองและเสียงน้ำ ซึ่งการได้ยินเพียงเสียงของตัวเองนั้นส่งผลให้เรามีสมาธิพอที่จะโฟกัสกับความคิดที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น และเมื่อเราไม่มีเสียงรอบตัว การตัดสินใจของเราก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบางคนไม่ต้องถึงกับต้องไปนอนแช่น้ำ เพียงแค่เดินไปริมแม่น้ำ ใช้เวลามองการไหลของน้ำ เพียงเท่านี้ก็เหมือนเป็นการฝึกสมาธิได้แล้ว

น้ำทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นมากขึ้น

 

เมื่อเราอยู่ใกล้น้ำ จิตสำนึกของเราจะทำให้เรารู้สึกกลัว ซึ่งความกลัวเหล่านั้นจะเชื่อมต่อกับบางสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกถึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตนเอง และผลักดันให้เรารู้สึกอยากที่จะอยู่กับคนอื่นๆ มากกว่าการที่จะต้องอยู่คนเดียว มีอารมณ์บางอย่างร่วมกัน และทำให้ความรู้สึกกลัวที่เคยมีในจิตใจหายไปด้วย นั่นจึงอธิบายได้ว่าทำไมเหตุการณ์ที่แสนโรแมนติกอย่างเช่นการขอแต่งงาน การแต่งงาน และการฮันนีมูนของใครหลายๆ คนนั้น มักจะเกิดขึ้นในสถานที่ใกล้ๆ กับน้ำ

 

น้ำทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

 

สำหรับข้อนี้จะเป็นผลดีต่อเนื่องโดยตรงจากข้อ 1 และ 2 คือ เมื่อสมองเราโล่งปราศจากความเครียด เมื่อไหร่ที่เรามีสมาธิที่แน่วแน่มากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติ แต่เราคงไม่ได้เดินทางไปทะเลหรือไปแช่น้ำในสระทุกวันใช่ไหมฮะ สำหรับเปย์เป้ก็จะใช้วิธีอาบน้ำเย็นๆ ล้างจาน เป็นวิธีการง่ายๆ ให้น้ำได้ไหลผ่านร่างกาย เท่านี้ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเพียงพอที่จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ สร้างไอเดียดีในการทำงาน (work from home) ต่อไปได้แล้วจ้า


 

การใช้  " น้ำ "  ในการบำบัดร่างกาย 💙

 


บทความจากหนังสือนิตยสารสารคดีบอกไว้ว่า
มนุษย์รู้จักใช้น้ำรักษาโรคมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว และยังคงใช้สืบเนื่องมาจนยุคปัจจุบัน เช่น ในอดีต ฮิปโปเครติส (Hippocrates, 460-375 BC) แพทย์ชาวกรีก ใช้การแช่น้ำร้อนและน้ำเย็นบำบัดโรคในกลุ่มอาการปวดตามกล้ามเนื้อ ส่วนชาวโรมันเลือกใช้การแช่น้ำร้อนในสถานที่อาบน้ำตามน้ำพุร้อนต่างๆ เป็นวิธีบำบัดจิตใจ ชาวญี่ปุ่นก็เลือกวิธีแช่น้ำพุร้อนเพื่อเยียวยารักษาบาดแผลจากการสู้รบ 

 

 

น้ำร้อนช่วยได้

 

ข้อมูลที่นิตยสารสารคดีนำมาแชร์อีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการแก้ปัญหานอนไม่หลับ ซึ่งเป็นสาระดีๆ จากหนังสือ หลับไม่ดีมีทางแก้  พูดถึงการนอนแช่ในน้ำร้อนไม่เกิน 15 นาที ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายผ่อนคลาย เมื่อร่างกายสบายขึ้น ความเครียดทางกายลดลง ก็จะนอนหลับได้ง่ายขึ้นราวกับมีเวทมนตร์ 

ในหนังสืออธิบายว่า ความร้อนจะทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายคลายเครียด สมองจะได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงน้อยกว่าปกติ ระหว่างที่นอนอยู่ในน้ำอุ่น สมองจึงอ่อนล้าลงและอยากพัก นั่นคือกลยุทธ์เหนี่ยวนำให้นอนหลับได้เร็วกว่าปกติ  

** ทั้งนี้การแช่น้ำร้อนนานเกินไป จะทำให้ร่างกายเกิดอันตรายได้  **

 

 

น้ำเย็นๆ ก็ช่วยได้

 

อีกหนึ่งความรู้จากหนังสือ FINDING SISU บอกไว้ว่า “ การแช่ตัวในน้ำเย็นเฉลี่ย 4 องศาเซลเซียสในฤดูหนาวราว 30 วินาที ถึง 1 นาที ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า พายุฮอร์โมน เพราะฮอร์โมนหลายตัว ได้แก่ เอ็นดอร์ฟิน เซโรโทนิน โดพามีน และอ็อกซิโทซิน จะถูกกระตุ้นให้ทำงาน  นอกจากการไหลเวียนเลือดจะดีขึ้นแล้ว แคลลอรีจะถูกเผาผลาญ และระบบภูมิคุ้มกันก็จะถูกกระตุ้นอีกด้วย

 

ชาวฟินแลนด์ขึ้นชื่อเรื่องว่ายน้ำหน้าหนาว เพราะมีผลการศึกษาออกมาว่าสามารถบรรเทาอาการปวดได้ อีกทั้งการว่ายน้ำหน้าหนาวยังช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และระบบต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายทนต่อแรงเสียดทานภายนอก เมื่อว่ายน้ำติดต่อกันไประยะหนึ่งก็จะพบว่าความดันโลหิตนั้นลดลง

 

ยังมีข้อมูลจากนักกายภาพบำบัดบอกว่า ด้วยคุณสมบัติของน้ำทำให้การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยลดแรงกดที่ข้อต่อ เนื่องจากมีแรงพยุงของน้ำทำให้ออกกำลังกายได้ดีโดยใช้แรงน้อยกว่าอยู่บนบก ไม่ปวดเท่าบนบก และคุณสมบัติข้อนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น ผู้มีปัญหาเข่าเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาตครึ่งซีก อัมพาตครึ่งท่อน เป็นต้น

 

เรียกว่านอกจากช่วยดับกระหายแล้ว น้ำยังมีประโยชน์ที่มหัศจรรย์จริงๆ เลยนะฮะ  ธรรมชาติเนี่ยมี พลังงานที่ดี เยอะเลย และการหันหน้าเข้าหาธรรมชาติก็ช่างเป็นการวิธีการรับพลังที่ดีจริงๆ  หากเพื่อนๆ มีเรื่องยากๆ ระหว่างวัน ก็พาตัวเองไปจุ่มน้ำดูนะฮะ ความเครียดจะได้เบาลง หรืออย่างน้อยๆ ก็ร่างกายก็ผ่อนคลาย สบายเนื้อ สบายตัวมาขึ้นจ้าา

  • avatar writer
    โดย Ying
    ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨
แสดงความคิดเห็น